ผลวิจัย เผย วัคซีน “โคแวกซิน” ต้านโควิดได้เพียง 50%

ผลการศึกษานี้ได้รับการตีพิมพ์เผยแพร่ในวารสารการแพทย์ "เดอะ แลนเซ็ท อินเฟคเทียส ดีซีสเซส" (The Lancet Infectious Diseases) เมื่อวานนี้ (23 พ.ย.) โดยสถาบันวิทยาศาสตร์การแพทย์แห่งอินเดีย (AIIMS) ได้วิเคราะห์ข้อมูลบุคลากรด้านสุขภาพของสถาบันฯ 2,714 คน ซึ่งแสดงอาการของโรคโควิด-19 และเข้ารับการตรวจหาเชื้อแบบ RT-PCR ระหว่างวันที่ 15 เมษายน ถึง 15 พฤษภาคมปีนี้

ซึ่งตรงกับช่วงที่เกิดการระบาดระลอกสองในอินเดีย ที่มีเชื้อสายพันธุ์เดลต้าเป็นสายพันธุ์หลัก โดยกลุ่มบุคลากรดังกล่าวได้รับวัคซีนของ "โคแวกซิน" ที่พัฒนาโดยบริษัทภารัต ไบโอเทค ของอินเดีย

ผลการศึกษาพบว่า วัคซีนของ "โคแวกซิน" มีประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อที่แสดงอาการเพียง 50 เปอร์เซ็นต์ หลังกลุ่มตัวอย่างได้รับวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว 2 สัปดาห์หรือนานกว่า ซึ่งต่ำกว่าผลประสิทธิภาพเบื้องต้น 77.8 เปอร์เซ็นต์ ที่ได้ระหว่างการทดลองในระยะสุดท้าย

นักวิจัยระบุว่า อัตราการติดเชื้อและความเสี่ยงต่อการรับเชื้อที่สูงในกลุ่มบุคลากรของโรงพยาบาล อาจมีส่วนทำให้ประสิทธิภาพของโคแวกซินในโลกความเป็นจริงต่ำกว่าในการทดลอง รวมถึงมีความเป็นไปได้ที่วัคซีนจะมีประสิทธิภาพป้องกันลดลงเมื่อเจอกับเชื้อสายพันธุ์เดลต้า

ที่ผ่านมา งานวิจัยหลายชิ้นระบุว่า วัคซีนโควิดเกือบทุกตัวมีประสิทธิภาพลดลงเมื่อเจอกับเชื้อสายพันธุ์เดลต้า ขณะที่งานวิจัยชิ้นใหม่นี้อาจส่งผลต่อความต้องการใช้วัคซีนของ "โคแวกซิน" ในช่วงเวลาที่ ภารัต ไบโอเทค กำลังเพิ่มกำลังการผลิต และอินเดียเริ่มกลับมาส่งออกวัคซีนโควิด-19 ให้ประเทศอื่นๆ

ทั้งนี้องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้อนุมัติใช้งานฉุกเฉินวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของ "โคแวกซิน" เมื่อต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ขณะที่จนถึงขณะนี้ อินเดียได้ฉีดวัคซีนของ "โคแวกซิน" ให้ประชาชนในประเทศไปแล้วกว่า 130 ล้านโดส