สรุปดราม่า! ต้อม ยุทธเลิศ vs ไอซ์ รัชนก จากเงินบริจาคสู่เหตุตบหน้า
หน้าแรกTeeNee ที่นี่ข่าววันนี้, ข่าวหน้าหนึ่ง ข่าวอื่นๆ สรุปดราม่า! ต้อม ยุทธเลิศ vs ไอซ์ รัชนก จากเงินบริจาคสู่เหตุตบหน้า
ข่าวใหญ่ของ 2 เซเล็บ เมื่อไอซ์-รักชนก ดาวเด่นจากคลับเฮาส์ที่มีฟอลโลเวอร์เกือบแสน โพสต์ระบายว่าเธอโดน ต้อม-ยุทธเลิศ ผู้กำกับดังจากเรื่องบุปผาราตรี ตบหน้าไป 2 ที ตามด้วยถีบท้องไปอีก 1 ที จนตอนนี้ไปแจ้งความกับตำรวจเรียบร้อยแล้ว
เหตุการณ์ทั้งหมดเป็นอย่างไร และสองคนนี้มีความบาดหมางอะไรมาก่อน จะอธิบายสถานการณ์ให้เข้าใจง่ายที่สุดใน 13 ข้อ
1) ในช่วงปลายปี 2563 กิจกรรมการเมืองของกลุ่มเยาวชน ที่เรียกร้องประชาธิปไตย เกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก ในม็อบแต่ละกลุ่ม ก็จำเป็นต้องใช้เงินค่าใช้จ่ายกันอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น ค่าอาหาร ค่าเครื่องดื่ม ทำป้าย ทำธง เครื่องป้องกันตัวสำหรับสลายม็อบ เช่าห้องน้ำเคลื่อนที่ ฯลฯ
ด้วยการที่ต้องใช้เงินขับเคลื่อนในการทำกิจกรรม จึงมีการเปิดรับบริจาคขึ้นจากหลายๆ คน โดยหนึ่งในนั้นคือ ทราย-อินทิรา เจริญปุระ นักแสดงอดีตเจ้าของรางวัลสุพรรณหงส์ ที่เปิดรับบริจาคเพื่อเอาเงินไปกระจายให้ม็อบกลุ่มต่างๆ
2) ทราย-อินทิรา หาเงินได้จำนวนหนึ่ง โดยไม่มีการเปิดเผยตัวเลขว่าเท่าไหร่ โดยกิจกรรมหลายอย่าง เช่น การซื้อเป็ดยาง และเช่าเรือเป็ดสีเหลืองไปชุมนุมปิดล้อมรัฐสภา ช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน 2563 ส่วนหนึ่งก็มาจากเงินบริจาคที่เธอได้รับนั่นเอง
อย่างไรก็ตาม เมื่อเป็นเรื่องเงินทอง จึงมีหลายคน รวมถึง ต้อม-ยุทธเลิศ สิปปภาค ผู้กำกับภาพยนตร์ วัย 54 ปี ขอให้เปิดบัญชีเพื่อเผยการบริจาคให้ละเอียดและโปร่งใส
เหตุการณ์ทั้งหมดเป็นอย่างไร และสองคนนี้มีความบาดหมางอะไรมาก่อน จะอธิบายสถานการณ์ให้เข้าใจง่ายที่สุดใน 13 ข้อ
1) ในช่วงปลายปี 2563 กิจกรรมการเมืองของกลุ่มเยาวชน ที่เรียกร้องประชาธิปไตย เกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก ในม็อบแต่ละกลุ่ม ก็จำเป็นต้องใช้เงินค่าใช้จ่ายกันอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น ค่าอาหาร ค่าเครื่องดื่ม ทำป้าย ทำธง เครื่องป้องกันตัวสำหรับสลายม็อบ เช่าห้องน้ำเคลื่อนที่ ฯลฯ
ด้วยการที่ต้องใช้เงินขับเคลื่อนในการทำกิจกรรม จึงมีการเปิดรับบริจาคขึ้นจากหลายๆ คน โดยหนึ่งในนั้นคือ ทราย-อินทิรา เจริญปุระ นักแสดงอดีตเจ้าของรางวัลสุพรรณหงส์ ที่เปิดรับบริจาคเพื่อเอาเงินไปกระจายให้ม็อบกลุ่มต่างๆ
2) ทราย-อินทิรา หาเงินได้จำนวนหนึ่ง โดยไม่มีการเปิดเผยตัวเลขว่าเท่าไหร่ โดยกิจกรรมหลายอย่าง เช่น การซื้อเป็ดยาง และเช่าเรือเป็ดสีเหลืองไปชุมนุมปิดล้อมรัฐสภา ช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน 2563 ส่วนหนึ่งก็มาจากเงินบริจาคที่เธอได้รับนั่นเอง
อย่างไรก็ตาม เมื่อเป็นเรื่องเงินทอง จึงมีหลายคน รวมถึง ต้อม-ยุทธเลิศ สิปปภาค ผู้กำกับภาพยนตร์ วัย 54 ปี ขอให้เปิดบัญชีเพื่อเผยการบริจาคให้ละเอียดและโปร่งใส
3) จุดสำคัญที่ทำให้มีการพูดถึงเรื่องการแจกแจงบัญชีขึ้นมา เนื่องจาก แป้ง-กราฟฟิตี้ หนึ่งในคนสนิทของต้อม-ยุทธเลิศ ได้เปิดประเด็นเรื่อง คนทำงานใกล้ชิดของทรายที่ชื่อ "นนท์" มีคดีฉ้อโกงติดตัว ครั้งหนึ่งเคยถูกจับเพราะหลอกขายตั๋วเครื่องบินปลอม มูลค่าความเสียหาย 1.3 ล้านบาท จนโดนโทษจำคุก 1 ปี 6 เดือน แถมเปลี่ยนชื่อมาแล้วถึง 3 ครั้ง จึงเกิดคำถามว่า แล้วจะมั่นใจแค่ไหนที่คนเคยมีคดี แล้วอยู่ใกล้เงินจำนวนมากๆ แล้วจะซื่อตรงได้ตลอดไป
4) อย่างไรก็ตาม ทราย ไม่ยอมเปิดเผยแหล่งที่มาของรายได้ ว่าใครบริจาคบ้าง โดยเธออธิบายในวันที่ 11 มีนาคม 2564
เธอโพสต์ว่า "คนช่วยหลายคนไม่อยากเปิดตัว และเจ้าหน้าที่ก็เลือกจะกดดัน หว่านหมายไปทุกที่ที่เห็นว่าเกี่ยวข้องแม้จะน้อยนิด ถ้าใครจำได้คงรู้เรื่องตำรวจลงโรงงานหมวกกันน็อค กดดันให้เปิดยอด ขอเช็คเส้นทางการเงิน ขอรู้ว่าใครสั่ง ฯลฯ จนเป็นข่าวก็บอกว่าไปตรวจ มอก. หมวกกันน็อคอะไรแบบนี้"
คำอธิบายของทรายคือ ถ้าเปิดบัญชีว่าใครบริจาคเท่าไหร่ คนที่โดนบริจาค อาจโดนสาวถึงตัวได้ แล้วอาจมีปัญหาตามมา ดังนั้นจึงไม่มีการเปิดเผยดีที่สุด แต่ยืนยันว่ามาทำงานด้วยใจ และไม่ได้ผลประโยชน์อะไรจากเรื่องนี้เลย
5) ต้อม-ยุทธเลิศ ทำการแซะทรายอยู่เรื่อยๆ เคยมีการตั้งห้องคลับเฮาส์ เพื่อคุยเรื่องประเด็นเงินบริจาค รวมถึงในวันที่ 29 มีนาคม 2564 ตอนที่กลุ่มกองทุนราษฎรประสงค์ ได้โพสต์ในเฟซบุ๊กว่า มีเงินในกองทุนสำหรับช่วยประกันตัวผู้ต้องหาจากหมู่บ้านทะลุฟ้า ทั้งหมด 6.8 ล้านบาท ต้อม-ยุทธเลิศ จึงแคปภาพนั้นมา แล้วพิมพ์ว่า "นี่คือตัวอย่างที่ถูกต้องในการเปิดเผยยอดเงินบริจาค ยอดบริจาคตั้งต้องสามารถเปิดเผยได้ เพื่อแสดงความโปร่งใส ไม่ส่อแววจะทุจริตยักยอกใดๆ"
ต้อม-ยุทธเลิศบอกว่า สิ่งที่เขาอยากรู้คือ "ตัวเงินในบัญชี" ไม่ได้ขอให้เปิดชื่อคนโอนให้เสียหน่อย ต้อมกล่าวว่า "อยากรู้ยอดมันเยอะขนาดไหน ถึงทำให้คนทะเลาะกันได้ขนาดนี้"
4) อย่างไรก็ตาม ทราย ไม่ยอมเปิดเผยแหล่งที่มาของรายได้ ว่าใครบริจาคบ้าง โดยเธออธิบายในวันที่ 11 มีนาคม 2564
เธอโพสต์ว่า "คนช่วยหลายคนไม่อยากเปิดตัว และเจ้าหน้าที่ก็เลือกจะกดดัน หว่านหมายไปทุกที่ที่เห็นว่าเกี่ยวข้องแม้จะน้อยนิด ถ้าใครจำได้คงรู้เรื่องตำรวจลงโรงงานหมวกกันน็อค กดดันให้เปิดยอด ขอเช็คเส้นทางการเงิน ขอรู้ว่าใครสั่ง ฯลฯ จนเป็นข่าวก็บอกว่าไปตรวจ มอก. หมวกกันน็อคอะไรแบบนี้"
คำอธิบายของทรายคือ ถ้าเปิดบัญชีว่าใครบริจาคเท่าไหร่ คนที่โดนบริจาค อาจโดนสาวถึงตัวได้ แล้วอาจมีปัญหาตามมา ดังนั้นจึงไม่มีการเปิดเผยดีที่สุด แต่ยืนยันว่ามาทำงานด้วยใจ และไม่ได้ผลประโยชน์อะไรจากเรื่องนี้เลย
5) ต้อม-ยุทธเลิศ ทำการแซะทรายอยู่เรื่อยๆ เคยมีการตั้งห้องคลับเฮาส์ เพื่อคุยเรื่องประเด็นเงินบริจาค รวมถึงในวันที่ 29 มีนาคม 2564 ตอนที่กลุ่มกองทุนราษฎรประสงค์ ได้โพสต์ในเฟซบุ๊กว่า มีเงินในกองทุนสำหรับช่วยประกันตัวผู้ต้องหาจากหมู่บ้านทะลุฟ้า ทั้งหมด 6.8 ล้านบาท ต้อม-ยุทธเลิศ จึงแคปภาพนั้นมา แล้วพิมพ์ว่า "นี่คือตัวอย่างที่ถูกต้องในการเปิดเผยยอดเงินบริจาค ยอดบริจาคตั้งต้องสามารถเปิดเผยได้ เพื่อแสดงความโปร่งใส ไม่ส่อแววจะทุจริตยักยอกใดๆ"
ต้อม-ยุทธเลิศบอกว่า สิ่งที่เขาอยากรู้คือ "ตัวเงินในบัญชี" ไม่ได้ขอให้เปิดชื่อคนโอนให้เสียหน่อย ต้อมกล่าวว่า "อยากรู้ยอดมันเยอะขนาดไหน ถึงทำให้คนทะเลาะกันได้ขนาดนี้"
6) อย่างไรก็ตาม บุ๊ง-ปกรณ์ พรชีวางกูร นักเคลื่อนไหวการเมืองอีกคน ที่ทำการรับบริจาคเช่นเดียวกับทราย-อินทิรา โพสต์สเตตัสว่า จริงๆ ต้อม-ยุทธเลิศ มีอะไรแอบแฝง โดยบุ๊งโพสต์ว่า "ต้อม ยุทธเลิศ เกลียดทราย เจริญปุระ เพราะทรายไม่รับเล่นหนังของมัน พอทรายไม่เล่น คนอื่นๆ ก็เลยถอนตัว เหลือแอมมี่คนเดียวที่รับเล่น เพราะคำว่าเกรงใจ มันเลยตามแซะไอ้ทรายไม่จบไม่สิ้น เพราะโปรเจ็กต์ระดมทุน 100 ล้านสร้างหนังไปต่อไม่ได้ เพราะไม่มีดารา"
7) เหตุการณ์ก็ผ่านไป ฝั่งต้อม-ยุทธเลิศ ก็ไม่สามารถหาหลักฐานได้ว่า ฝั่งทรายมีการโกงเงินบริจาค เรื่องจึงดูเหมือนจะจบไปแล้ว แต่ไอซ์-รักชนก ศรีนอก สาววัย 27 ปี ที่มีฉายาว่า "ดาวคลับเฮาส์" ที่มีคนติดตามในคลับเฮาส์ มากถึง 95,200 คน ไปตั้งรูปดิสเพลย์ เพื่อสอบถามต้อม-ยุทธเลิศ ว่าไปขอโทษทรายหรือยัง เนื่องจากไปกล่าวหาคนอื่นว่าโกงเงินม็อบ โดยไม่มีหลักฐาน จึงกลายเป็นมวยคู่ใหม่ ระหว่าง ต้อม-ยุทธเลิศ กับ ไอซ์-รักชนก แทน
8 ) วันที่ 21 พฤศจิกายน 2564 ทีมงานจากห้องคลับเฮาส์ "ส่องทวิตยามเช้า" จัดกิจกรรมขึ้นบนเรือ Pruek Cruise โดยจอดเทียบท่าบริเวณคลองสาน โดยภายในงาน มี เซเล็บสายประชาธิปไตยหลายคนไปร่วมงานด้วย ในฐานะแขกพิเศษ เช่น บ.ก.ลายจุด, ไฮโซลูกนัท, นายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร, หมิว-ศิริลภัส รวมถึง ต้อม-ยุทธเลิศ ส่วนคนทางบ้าน ก็ต้องได้รับตั๋วลงเรือ จากการเล่นเกมชิงโชคเท่านั้น
9) ไอซ์-รักชนก โพสต์เล่าว่า ต้อม-ยุทธเลิศ เรียกเธอไปคุยที่ชั้นบนของเรือ ซึ่งเธอยอมไป เพราะต้องการเคลียร์เรื่องที่ขัดแย้งกันมาก่อน โดยเจอกันในเวลาประมาณ 21.30 น. ไอซ์เล่าว่า "ตลอดเวลาขึ้นมึงกูและใช้อารมณ์กับเราตลอด คุยไปได้สักพัก ต้อมเดินมาตบหน้าเรา 2 ครั้ง เราทั้งตกใจและโมโหเลยลุกขึ้นคว้าของอะไรสักอย่างที่อยู่บนโต๊ะไว้เพื่อจะป้องกันตัว ทุกคนบนนั้นพยายามห้ามเรา ซึ่งเรางงมากว่าห้ามเราทำไม เราเป็นคนโดนตบหน้า แต่ต้อมพูดจาท้าทายยืนด่าเราต่อ"
"ตอนนั้นตัวเราที่อยากขึ้นมาขอโทษ ก็คือกูโคตรผิดหวัง กูมาทำเหี้ยไรตรงนี้ เสียใจ โมโห โกรธจนตัวสั่น กลัวจะโดนทำร้ายร่างกายเพิ่มอีกด้วย สถานการณ์ก็ชุลมุนจากนั้นมีผู้ชายอีกคนอยู่ดีดี ก็อารมณ์ขึ้นแล้วตะโกนชี้หน้าด่าเราว่าไอ้สัส มึงด่าพี่กู แล้วก็อะไรอีกมากมาย ซึ่งด่ามา กูก็ด่าคืน"
"พอทุกคนแยก เราเดินออกมาเพื่อจะทวงถามคำขอโทษที่ตบหน้าเรา และอยากรู้ว่าตบเราทำไม แล้วก็โดนต้อมโดดถีบที่ท้องอีก 1 ครั้ง"
โดยไอซ์-รักชนกกล่าวว่า ตอนนี้แจ้งความเรียบร้อยแล้ว และมีหลักฐานพร้อมทั้งคลิป ทั้งเสียง10) อย่างไรก็ตาม ในมุมของต้อม-ยุทธเลิศ กลับเล่าเป็นหนังคนละม้วน โดยต้อมให้สัมภาษณ์กับ Top News เปิดเผยว่า "พี่ก็ถาม ใครเชิญอะ เพราะพี่ไม่อยากเจอเขาไง ไม่มีใครรู้เรื่องเลยเขามายังไง มันก็เลยทะเลาะกัน แต่จะบอกทำร้ายร่างกายมันเกินไป ถ้าพี่ตบ พี่ถีบจริง เขาเดินไม่ได้หรอก ถ้าตบสองครั้งหน้ามึงต้องบวมแล้ว ถ้าไปแจ้งความก็ต้องไปดูว่ามันเป็นอย่างนั้นจริงหรือเปล่า ต่อให้พี่เมา พี่ก็มีการ์ด การ์ดเขาคอยล็อกพี่ตลอด"
"ตอนนี้มีการแจ้งความกันแล้ว ผิดก็ว่ากันตามผิด ตามหลักฐานที่มีแหละ แค่นั้นเอง จะมาขอโทษขอโพยอะไร ไปว่ากันที่โรงพัก"
11) สำหรับสถานการณ์ล่าสุด เจ้าหน้าที่ตำรวจสน.ปากคลองสาน ยอมรับว่า รับเรื่องแจ้งความจากไอซ์-รักชนกเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้ได้ส่งตัวไอซ์ ไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลตากสิน เพื่อนำผลการตรวจมาใช้ในสำนวนด้วย จากนั้นก็จะเรียกต้อม-ยุทธเลิศ มาทราบข้อกล่าวหาฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่นต่อไป12) เรื่องราวทั้งหมด ก็หยุดอยู่ที่ตรงนี้ และต้องติดตามกันต่อไปว่าความจริงคืออะไร เพราะคนหนึ่งบอกว่าโดนกระทำ แต่อีกคนบอกว่าไม่ได้ทำ รวมไปถึงพยาน-หลักฐานที่ไอซ์มีจะสามารถมัดตัวต้อม-ยุทธเลิศได้หรือไม่
13) ขณะที่ประเด็นต้นเรื่อง เกี่ยวกับ "เงินบริจาค" ก็ยังคงมีความสำคัญอยู่ ว่าสุดท้ายแล้ว เงินที่ได้รับในม็อบควรมีการเปิดเผยและชี้แจงทุกบาททุกสตางค์หรือไม่ เนื่องจากการตรวจสอบและการแสดงความโปร่งใสก็เป็นส่วนหนึ่งของการเรียกร้องประชาธิปไตยเช่นกัน จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่สังคมจะมีการตั้งคำถามขึ้นมา
รวมถึงประเด็นความสัมพันธ์ของ ต้อม-ยุทธเลิศ กับทราย-อินทิรา มีความขัดแย้งด้านอื่น นอกเหนือจากประเด็นเงินบริจาค ตามที่บุ๊ง-ปกรณ์ กล่าวอ้างหรือไม่ ก็มีความน่าสนใจเช่นเดียวกัน" ประกาศ "
ร่วมแสดงความคิดเห็น