กองเชียร์กรี๊ดสนั่น! นายกฯลุยน้ำท่วมนนทบุรี ตะโกนลั่นลุงตู่สู้ๆ
เมื่อเวลา 13.50 น.วันที่ 30 กันยายน 2564 ที่ท่าน้ำเทศบาลปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย , นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน , นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) , นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี , นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ในพื้นที่ , พล.ท.เจริญชัย หินเธาว์ แม่ทัพภาคที่ 1 เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา และการก่อสร้างแนวกำแพงป้องกันน้ำท่วมรอบเกาะเกร็ด รับฟังแนวทางป้องกัน และลดผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด เนื่องจากมีกลุ่มผู้ชุมนุมต่อต้านบางกลุ่มเคลื่อนไหวขับไล่การลงพื้นที่ของ พล.อ.ประยุทธ์ ในครั้งนี้
โดยจุดแรก นายกรัฐมนตรีเดินทางมาที่ศาลาท่าเรือเทศบาลนครปากเกร็ด อ.ปากเกร็ด มี นายสุจินต์ ไชยชุมศักดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี ผู้บริหาร และมีประชาชนมารอต้อนรับ พร้อมถือป้ายให้กำลังใจ และตะโกนให้ "นายกฯ สู้ๆ ลุงตู่สู้ๆ" และขอถ่ายรูปเป็นที่ระลึก ขณะที่นายกฯ ได้ชูมือเป็นสัญลักษณ์ไอเลิฟยู พร้อมทักทายประชาชนและเด็กๆ ว่า "เรียนให้เก่งๆ รักคุณพ่อคุณแม่ให้เยอะๆนะ ครอบครัวสำคัญที่สุด" และระหว่างอยู่บนเวทีเพื่อถ่ายรูปกับภาคส่วนต่างๆ นั้น พล.อ.ประยุทธ์ ได้กำมือขวาแล้วนำไปวางที่หน้าอกด้านซ้ายตรงหัวใจ ก่อนจะขว้างส่งให้กับกลุ่มประชาชนที่สนับสนุน สร้างเสียงกรี๊ดดังลั่นจากนั้น นายกรัฐมนตรี ออกเดินทางจากศาลาท่าเรือเทศบาลนครปากเกร็ด โดยเรือตรวจการณ์ เพื่อตรวจติดตามสถานการณ์น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา และตรวจเยี่ยมการสร้างคันกั้นน้ำ ที่จะดำเนินการสร้างทั้งหมดความยาว 50 กิโลเมตร ดำเนินการแล้วเสร็จ 18 กิโลเมตร พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีตรวจเยี่ยมบ้านเรือนประชาชนที่ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่ได้รับผลกระทบบางส่วน ตลอดจนติดตามการก่อสร้างแนวกำแพงป้องกันน้ำมท่วมรอบเกาะเกร็ด อำเภอปากเกร็ด ด้วย ทั้งนี้ เส้นทางการตรวจเยี่ยมทางเรือมีระยะทางประมาณ 12.5 กิโลเมตร
โดยระหว่างอยู่บนเรือ พล.อ.ประยุทธ์ รับฟังรายงานสถานการณ์น้ำจากผู้ว่าฯ นนทบุรี จากนั้น นายกฯ กล่าวถึงข้อกังวลและห่วงใยในการพร่องน้ำ ว่า ถ้าถามว่ากังวลไหม กังวล ถามว่าห่วงไหม ห่วง เพราะประเทศไทยวันนี้อยู่ฤดูมรสุม พายุก็เข้ามา เตี้ยนหมู่เพิ่งเข้ามา เราต้องติดตามสถานการณ์โลกไว้ว่าจะทำอย่างไรเตรียมการรับความพร้อมในเรื่องเหล่านี้ เพราะธรรมชาติเป็นสิ่งที่เราห้ามไม่ได้ เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นมาโดยธรรมชาติ สิ่งสำคัญที่ย้ำอยู่เสมอวันนี้โลกร้องให้ดูแลเขา ถ้าไม่ดูแลก็จะเกิดวิกฤตกาลต่างๆนี้ขึ้นมาในโลก ไม่ว่าจะเป็นน้ำท่วม ฝนแล้ง อุทกภัยต่างๆ จะเกิดขึ้น เพราะฉะนั้นสิ่งสำคัญที่สุดคือคนไทยต้องเตรียมตัวเตรียมความพร้อม เราจะอยู่กับธรรมชาติยุคนี้ได้อย่างไร เพราะฉะนั้นต้องเริ่มจากตัวเองก่อน ซึ่งรัฐบาลก็พร้อมจะดูแล
"นั่นคือหน้าที่ เราต้องไปด้วยกัน ภาครัฐ ภาคประชาชน ภาคประชาสังคม ธุรกิจ เอกชน ทุกคนต้องช่วยกัน ถึงจะพลิกโฉมของเราให้ได้พ้นจากโลกปัจจุบันให้เราอยู่กับธรรมชาติให้ได้ ตามพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทั้งสองพระองค์ทรงรับสั่งเสมอมา และรัชกาลที่ 10 ทรงห่วงตรงนี้ รับสั่งกับผมเสมอเวลาเข้าเฝ้าราชการ ให้ดูแลประชาชนให้มีความสุข ให้เขาปลอดภัย ให้ประเทศชาติยั่งยืน เดินไปข้างหน้า มีเสถียรภาพ เราก็จำเป็นต้องเอาเรื่องนี้ปฏิบัติให้เกิดผลสัมฤทธิ์ขึ้นมาให้ได้" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า วันนี้เห็นแล้วจากผู้ว่าฯ งบประมาณที่ให้ไปหลายปีไปแล้ว ก็มากพอสมควร แต่ก็ยังทำไม่ครบหรอก ที่ผ่านมาทำได้น้อยมาก วันนี้ประชาชนก็เริ่มร่วมมือมากขึ้นๆก็จะทำไปเรื่อยๆตามที่เรามีงบประมาณทยอยให้มา ก็ขอขอบคุณทุกคน ทั้งผู้ว่าฯ นายกเทศมนตรี ซึ่งก็รู้ปัญหาดีคนในพื้นที่ วันนี้เดินหน้าประเทศต้องเดินด้วยเกษตรกรรมที่มีมูลค่าสูง เกษตรกรรมที่อาศัยการวิจัยและพัฒนาจากความหลากหลายทางชีวภาพ เราต้องปรับทุกแบบทั้งหมด นี่คือการพลิกโฉมประเทศไทยของเรา ทั้งเรื่องแก้ปัญหาน้ำท่วม แก้ปัญหาความยากจน ปัญหาหนี้ครัวเรือน เยอะแยะไปหมด รัฐบาลจะทำเต็มที่ เพราะฉะนั้นนี่คือสิ่งที่อยากฝากประชาชนไว้ว่าตนอยู่ก็เพื่ออย่างนี้ เพื่อที่จะทำงานตรงนี้ ก็สุดแล้วแต่จะว่ายังไงกันไป
นายกฯ กล่าวอีกว่า เรื่องดิจิทัลก็ต้องส่งเสริมให้ประชาชนเข้าถึง แพตฟอร์มต่างๆกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กำลังทำอยู่ ซึ่งปัญหาหลายอันก็มีกฎหมายต้องเข้าสภา จึงอยากฝากฝ่ายนิติบัญญัติช่วยเร่งรัดกฎหมายพวกนี้หน่อย กฎหมายใหม่ กฎหมายที่ไม่ทันสมัยที่ปรับแก้ อย่ามัวแต่ไปเอากฎหมายอื่นๆที่มีความสำคัญน้อยกว่าไปพิจารณา มันจะได้ทันแก้ปัญหาประเทศได้โดยเร็ว ต้องทำงานด้วยกันบริหารและนิติบัญญัติ
จากนั้นเวลา 15.00 น.นายกรัฐมนตรีแวะที่ท่าเรือพิบูลย์สงคราม 4 เพื่อเยี่ยมเยียนและมอบถุงยังชีพให้กับประชาชนที่เดือดร้อน นายกฯ กล่าวว่า "รัฐบาลจะพยายามดูแลความเดือดร้อนให้ได้มากที่สุด รักทุกคนนะจ๊ะ" อีกทั้งมีชาวบ้านตะโกนว่า "ลุงตู่สู้ๆ สู้ตาย" นายกฯ จึงกล่าวตอบว่า "อย่าตายสิ" นอกจากนี้ มียังมีชาวบ้านกล่าวว่า ใครให้ลาออกไม่ต้องออก ให้นายกฯ สู้หัวทะลุฝาไปเลย ทำให้นายกฯ กล่าวตอบว่า "เหรอ จ๊ะ ไม่กลัวหัวแตกเหรอ โอ้โหว นี่ดุเดือดดีนะ" ชาวบ้านจึงกล่าวว่า เห็นนายกฯโดนมาเยอะ นายกฯ กล่าวว่า "เราต้องชิน ต้องดูแลคนไทย ให้เวลาเราหน่อย เราจะทำทุกอย่างที่ทำมาแล้วให้เสร็จ"
ทั้งนี้ ระหว่างพบประชาชน นายกฯ กล่าวว่า "ความรักความห่วงใยนายกฯ ลอยไปกับอากาศให้คนทั้งประเทศ ใครจะว่าอย่างไรก็ช่าง" พร้อมเอามือตบที่หน้าอก จากนั้นมีชาวบ้านบอกว่า ปี 54 น้ำท่วมสูงถึงคอ
นายกฯ จึงกล่าวว่า "ปีนี้ไม่ถึงหรอก เราพยายามทำเต็มที่และเราทำเพิ่มเติมมามากจากช่วงนั้น"