หมอปลา แฉขบวนการบำบัดยานรก จริงดิข้าราชการ-ตำรวจเอี่ยว?
ความคืบหน้า เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 22 ก.ย. ที่ กองบังคับการปราบปราม นายไพศาล เรืองฤทธิ์ ทนายความ พร้อมนายจิรพันธ์ เพชรขาว หรือหมอปลา ได้พากลุ่มผู้เสียหายซึ่งเป็นอดีตผู้บำบัดจากวัดท่าพุราษฎร์บำรุง ต.ด่านมะขามเตี้ย อ.ด่านมะขามเตี้ย จ.กาญจนบุรี ประมาณ 10 คน เดินทางเข้าพบพ.ต.ท.ภานุพงศ์ จันตระกูล สว.(สอบสวน ) กก.5.บก.ป. เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องกับศูนย์บำบัดฯ ดังกล่าว
หมอปลา กล่าวต่อว่า ตนมองว่า ศูนย์บำบัดฯแห่งนี้ มีการทำเป็นขบวนการ มีผู้เกี่ยวข้องทั้งข้าราชการตำรวจ วัด และอาสาสมัครกู้ภัย และที่น่าผิดสังเกตก็คือมีตำรวจจาก จ.กาฬสินธุ์ ,ร้อยเอ็ด พาผู้ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดมาเข้ารับการบำบัดที่นี่มากที่สุด บางหมู่บ้านมีเป็นสิบๆ ราย
ตนหวังว่า พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. จะดูข่าวนี้ และตรวจสอบด้วยว่าหากนิ้วไหนไม่ดีจะตัดทิ้งหรือไม่ หรือจะตัดนิ้วตัวเองทิ้ง
นายไพศาล กล่าวต่อว่า เท่าที่ทราบบางรายก็ไม่ได้เป็นผู้เสพยาเสพติด แต่เป็นผู้ถูกกล่าวหาคดีอื่นเช่น ปัญหาการทะเลาะวิวาท การทำร้ายร่างกายก็ถูกรวบนำมาไว้ที่แห่งนี้ และถูกตำรวจ หรือเจ้าหน้าที่กลุ่มนี้ต่อรองกับผู้ปกครองว่าหากให้บุตรหลานเข้ารับการบำบัดเป็นเวลา 1 ปี ก็ไม่ต้องมีประวัติการถูกดำเนินคดี แต่ก็จะต้องมีค่าใช้จ่ายด้วยจำนวนหนึ่ง
ส่วนนายเอ (นามสมมติ) หนึ่งในผู้เสียหายระบุว่า หลังจากได้รับการช่วยเหลือ ตนรู้สึกดีใจมาก หลังเข้ารับการบำบัดที่ศูนย์บำบัดมาเป็นเวลา 9 เดือน ก่อนจะเข้าก็ได้รับการเอ็กซเรย์ปอดเพียงอย่างเดียว ไม่มีการตรวจเลือดหาสารเสพติดแต่อย่างใดตามขั้นตอน ส่วนการใช้ชีวิตในแต่ละวัน เหมือนติดคุก ได้ทานข้าววันละ 1 มื้อ ต้องตื่นนอนตั้งแต่ 03.45 น. เพื่อทำวัตรสวดมนต์ แต่หากเสียงสวดมนต์ดังไม่พอ และไม่ถูกใจเจ้าหน้าที่ ในวันนั้นจะถูกลงโทษไม่ให้รับประทานอาหารเช้า
ตลอด เวลาที่เข้ารับการบำบัด ส่วนใหญ่จะได้รับประทานอาหารแค่เพียงวันละ 1 มื้อ ทั้งที่พ่อแม่ส่งเงินมาให้ทุกเดือน ทั้งนี้เวลาที่มีหน่วยงานเข้ามาตรวจสอบสภาพความเป็นอยู่ ก็จะถูกปกปิด ผู้ที่เข้ารับการบำบัดก็ไม่สามารถจะชี้แจงหรือพูดอะไรได้เพราะจะถูกทำโทษ