นพ. โอภาส เปิดเเผนฉีดวัคซีนปีหน้า เผย เตรียมฉีดเข็ม3 กลุ่มได้ซิโนแวค 2 เข็ม
"อีกไม่กี่เดือนจะถึงปี 2565 จากแนวโน้มการฉีดวัคซีนพบว่า อาจจะต้องจำเป็นใช้เข็มที่ 3 และกลุ่มเป้าหมายอื่นๆ ที่ยังไม่ครอบคลุม เช่น กลุ่มเด็ก ที่มีการวิจัยในหลายบริษัท หลายประเทศ เพราะพบว่า หลังจากฉีด 2 เข็มไม่ว่ายี่ห้ออะไร ภูมิคุ้มกันจะตกลง การฉีดเข็มสามจะเป็นการกระตุ้นให้ภูมิสูงขึ้น จึงมีความจำเป็นที่ปี 2565 จะต้องหาวัคซีนมาเพิ่มเติมเพื่อฉีดใน 2 กลุ่มนี้ คณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติจึงเสนอความเห็น และผ่านความเห็นชอบของ ศบค.ว่าปี 2565 จะต้องจัดหาวัคซีนเพิ่มเติมอย่างน้อย 120 ล้านโดส และวัคซีนมีความหลากหลาย เช่น mRNA ไวรัลเวคเตอร์ เชื้อตาย ฯลฯ" นพ.โอภาสกล่าว
ส่วนปี 2565 เราเห็นความต้องการฉีดและฉีดบูสเตอร์โดสมีความจำเป็น จึงวางแผนนำเข้า 120 ล้านโดส แผน 2 ปีนี้ไม่เกี่ยวกัน ของปี 64 ก็ต้องบริหารตามสัญญาที่ลงนามไว้ ซึ่งที่ผ่านมาก็ยังเป็นไปตามสัญญา ส่วนปี 65 ที่จะเจรจาจะเป็นอีกส่วนหนึ่ง ไม่มีความเกี่ยวเนื่องกัน เพราะเป็นคนละสัญญาคนละกรณี จะพยายามเจรจาให้ได้วัคซีนจำนวนมากมีความเหมาะสมใช้ในประเทศไทย" นพ.โอภาสกล่าว
เมื่อถามถึงการฉีดวัคซีนเข็มสามในประชาชนทั่วไป นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า คนฉีดซิโนแวค 2 เข็ม ในประเทศไทยส่วนใหญ่ฉีดเมื่อ มี.ค. - เม.ย. ส่วนใหญ่เป็นบุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้า ตอนนี้ฉีดกระตุ้นแล้วมากกว่า 5 แสนราย ส่วนใหญ่รับไฟเซอร์ รองลงมาเป็นแอสตร้าฯ อีกกลุ่มที่รับในช่วงนั้น คือ ประชาชนทั่วไปหรือคนมีความเสี่ยงแต่อายุน้อยกว่า 60 ปีมีโรคเรื้อรัง เพราะในช่วง มี.ค. - เม.ย. เราฉีดแอสตร้าฯ คนอายุ 60 ปีขึ้นไปเป็นหลัก เนื่องจากวัคซีนมีน้อย แต่ทุกวัคซีนฉีดระยะหนึ่งภูมิคุ้มกันลดลง กลุ่มนี้ฉีดแล้ว 5 เดือน มีคนฉีดสูตรนี้ 3-4 ล้านคนที่เป็นซิโนแวค 2 เข็ม
"สัปดาห์หน้าจะมีการประชุมคณะผู้เชี่ยวชาญทางด้านวัคซีน จะมีการหารือประเด็นนี้ด้วย คาดว่าคนที่รับซิโนแวคมาแล้ว 2 เข็ม มีโอกาสได้รับเข็มกระตุ้นน่าจะไม่เกินปลายปีนี้ เพราะเราจะมีวัคซีนมากขึ้น ทั้งแอสตร้าฯ และไฟเซอร์ แต่ไปตามลำดับ ใครที่เสี่ยงสูง ภูมิคุ้มกันลดลงก็อยากให้ฉีดเพิ่มขึ้น เช่น มีโรคประจำตัวเรื้อรัง หรือจากภาระหน้าที่ของกิจกรรมในชีวิตประจำวัน แต่สุดท้ายคนที่รับ 2 เข็ม ปีต่อไปจะรับเข็มกระตุ้นแน่นอน เพราะประเทศไทยเตรียมไว้อย่างเพียงพอสำหรับคนที่ยังไม่ได้ฉีดและคนจะฉีดเข็มสาม" นพ.โสภณกล่าว
ถามถึงกรณีคนแจ้งข้อมูลต้องฉีดสูตรไขว้ แต่กลับได้รับเข็มแรกเป็นแอสตร้าฯ และเข็มสองเป็นแอสตร้าฯ ห่างกัน 20 วัน นพ.โอภาสกล่าวว่า เรามีวัคซีนหลายชนิด ผู้ปฏิบัติงานอาจเกิดความสับสน หรือที่มีข่าวฉีด 2 เข็มในวันเดียวกัน เป็นความบกพร่องส่วนบุคคล แต่วัคซีนที่ฉีดค่อนข้างปลอดภัย คนที่ฉีดเข้าไปเกิน ติดตามก็ยังไม่พบอันตรายใดๆ ส่วนกรณีนี้ รพ.สมุทรปราการ คงต้องไปตรวจสอบติดตามดูอย่างใกล้ชิด โดยแอสตร้าฯ เราฉีดห่างตั้งแต่ 8-16 สัปดาห์ เพราะจะกระตุ้นภูมิสูง แต่ฉีดใกล้กันอาจขึ้นได้ไม่ดี เน้นย้ำผู้ดูแลติดตามกำกับการฉีดให้ครบถ้วนตามที่กำหนด และดูแลรายบุคคลอย่างเข้มงวด ติดตามอาการให้คำแนะนำต่อไป เป็นประสบการณ์ในการเอาไปปรับแก้ไขระบบต่อไป