เมียแรงงานไทยในอิสราเอล สุดช็อค เล่าได้ยินเสียงระเบิดขณะวิดีโอคอลก่อนสัญญาณตัด

เมียแรงงานไทยในอิสราเอลที่บุรีรัมย์ ยังทำใจไม่ได้ ยิ่งเห็นคลิปภาพขณะเกิดเหตุ ซึ่งตรงกับนาทีที่วีดีโอคอลกับสามี ระบุวาดอนาคตไว้แต่แล้วพังทลาย ขณะผู้ใหญ่บ้านเผย ผู้ตายเป็นคนดีไม่เคยยุ่งเกี่ยวอบายมุข ก่อนทราบข่าว สุนัขในหมู่บ้านเห่าหอนข้ามคืน คิดว่าต้องมีเหตุ แต่ไม่คิดว่าอยู่ต่างประเทศ

เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศ ที่บ้านหลังหนึ่งใน อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ ซึ่งเป็นบ้านของ น.ส.อรทัย กองมะเริง อายุ 21 ปี ภรรยาของนายสิขรินทร์ สงำรัมย์ อายุ 23 ปี 1 ใน 2 แรงงานไทยที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ปาเลสไตน์ การโจมตีอิสราเอลทางอากาศ เมื่อวันที่ 18 พ.ค.ที่ผ่านมา

โดย น.ส.อรทัย ยังทำใจไม่ได้หลังทราบข่าว โดยเฉพาะคลิปเหตุการณ์ที่ปรากฏออกมาในภายหลัง ซึ่งตรงกับในช่วงที่คุยวิดีโอคอลกับสามี เวลาประมาณ 18.00 น.พร้อมเล่าความรู้สึกว่า ตอนที่คุยกับสามี ได้ไม่นาน ได้ยินเสียงระเบิดดังขึ้น หลังจากนั้นได้มีคนเข้ามาช่วย แล้วพาสามีเข้าหลุมบังเกอร์ ซึ่งโทรศัพท์ยังไม่ได้ปิด จากนั้นได้มีแรงงานด้วยกันใช้โทรศัพท์ของสามีแจ้งว่า "สามีโดนระเบิด" ก่อนสัญญาณโทรศัพท์จะตัดไปเพราะเข้าไปในหลุมบังเกอร์

น.ส.อรทัย บอกด้วยว่า ตอนนี้ยังทำอะไรไม่ถูก อนาคตที่วาดไว้กับสามีได้พังทลายลงไปทั้งหมดแล้ว เพราะสามีเพิ่งเดินทางไปเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ทั้งยังต้องกักตัว ได้เริ่มทำงานเพียงไม่กี่วัน แล้วมาเกิดเหตุ สิ่งที่หนักกว่านั้นตนจะต้องแบกภาระเลี้ยงลูกชายอายุ 4 ขวบ กับลูกสาววัย 2 ขวบ รวม 2 คนอีกด้วย

ด้านนางมะรุม แสดรัมย์ อายุ 54 ปี ผู้ใหญ่หมู่ 1 ต.หินโคน เล่าว่าหลังทราบข่าวตนกับชาวบ้านรู้สึกเสียใจ เพราะผู้ตายเป็นคนดี ไม่เคยไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด ไม่เคยดื่มสุรา เมื่อ 2-3 วันก่อน มีสุนัขในหมู่บ้านเห่าหอนข้ามคืน ตามความเชื่อของคนแก่ในหมู่บ้าน มักจะลือว่าจะต้องมีเหตุทำให้คนในหมู่บ้านล้มหายตายจาก แต่ไม่คิดว่าจะเป็นคนที่อยู่ต่างแดน

สำหรับแนวทางการช่วยเหลือของภาครัฐ เบื้องต้นแรงงานจังหวัด จะช่วยเหลือค่าจัดการงานศพ 40,000 บาทจากกองทุนช่วยเหลือคนหางานไปทำงานต่างประเทศ ค่าทำศพจากประกันสังคมอีก 50,000 บาท บวกกันเงินสะสมอีกจำนวนหนึ่ง ส่วนสิทธิประโยชน์ และเงินจากกองทุนผู้ประสบภัยสงครามของประเทศอิสราเอล ก็จะทำการติดต่อประสานเพื่อขอรับการช่วยเหลือด้วยเช่นกัน

ส่วนครอบครัวมีความประสงค์จะให้ฌาปนกิจที่ต่างประเทศแล้วเก็บเอากระดูกมาทำบุญ หรือต้องการนำศพมาบำเพ็ญกุศลที่เมืองไทย จะต้องมีการประสานกับกระทรวงที่เกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินการต่อไป