เตรียมอพยพราษฎรไทยหลังพม่าใช้อากาศยานโจมตีทหารกะเหรี่ยง
หน้าแรกTeeNee ที่นี่ข่าววันนี้, ข่าวหน้าหนึ่ง ข่าวอื่นๆ เตรียมอพยพราษฎรไทยหลังพม่าใช้อากาศยานโจมตีทหารกะเหรี่ยง
เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง พร้อมด้วยฝ่ายปกครอง เข้าควบคุมสถานการณ์บ้านแม่สามแลบ และ บ้านท่าตาฝั่ง โดยเฉพาะที่บ้านท่าตาฝั่งได้มีการซักซ้อมเตรียมอพยพประชาชนในหมู่บ้าน หลังทหารพม่าจะใช้อากาศยานเข้าโจมตีทหารกะเหรี่ยงฐานฯตรงข้ามบ้านท่าตาฝั่ง
เมื่อวันที่ 27 เมษายน 2564 เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง พร้อมด้วยอาสารักษาดินแดน อ.สบเมย ได้เข้าควบคุมสถานการณ์ที่บ้านแม่สามแลบ โดยมีการสั่งห้ามบุคคลภายนอกเข้าไปในหมู่บ้านแม่สามแลบอย่างเด็ดขาด อ้างเพื่อความปลอดภัย ขณะที่ราษฎรบ้านแม่สามแลบ ได้พากันอพยพไปอาศัยอยู่ที่บ้านห้วยกองก๊าด ซึ่งห่างกันประมาณ 5 กม.
ขณะเดียวกันที่บ้านท่าตาฝั่ง ต.แม่คง อ.แม่สะเรียง เจ้าหน้าที่ทหารพราน สังกัด กองร้อยทหารพรานที่ 3604 กรมทหารพรานที่ 36 ได้ทำการซักซ้อมแผนอพยพให้กับราษฎรในหมู่บ้าน กรณีหากทางการพม่ามีการใช้อากาศยานเข้าโจมตีฐานที่มั่นทหารพม่า ซึ่งถูกทหารกะเหรี่ยงยึดได้เมื่อเช้านี้ ( ยึดได้เพิ่มเติมจากฐานตรงข้ามบ้านสามแลบ )
สำหรับราษฎรบ้านแม่สามแลบ อ.สบเมย ฯที่ได้รับบาดเจ็บจากการสู้รบคือ นาง หน่อ เด หมื่อ อายุ 42 ปี บ้านเลขที่ 27/ช ม.1 แม่สามแลบ ต.แม่สามแลบ อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน ได้รับบาดเจ็บบริเวณหัวเข่าข้างซ้าย จากการถูกกระสุนปืน (ไม่ทราบชนิด) ขณะอยู่ในบ้านพัก ล่าสุดได้รับการส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลแม่สะเรียง เมื่อบ่ายวันนี้
แหล่งข่าวกองพลน้อยที่ 5 ของกะเหรี่ยงเคเอ็นยู เปิดเผยว่า จากสู้รบที่ฐานซอเลท่า ตรงข้ามบ้านแม่สามแลบของไทย ทหารกะเหรี่ยงสามารถยึดได้อาวุธยุทโธปกรณ์ ของทหารพม่าได้เป็นจำนวนมากประกอบด้วย ปืนกลหนัก , ปืนกลเบา , ค.60 , ปืนประจำกาย และยุทธภัณฑ์ต่าง ๆ ในส่วนของ ทหารกะเหรี่ยงได้สูญเสีย นายทหารระดับ ผบ.ร้อย 1 นาย พลฯทหาร 3 นาย และได้รับบาดเจ็บจากการสู้รบ 6 นาย ส่วนฝ่ายพม่าสูญเสียกำลังพลประมาณ 22 นาย ที่เหลือได้หลบหนีเข้าป่าลึกคาดว่าจะติดตามตัวได้ในไม่ช้านี้ ในส่วนของการสูญเสียของฝ่ายกะเหรี่ยงนั้น มีพลซุ่มยิง (สไนเปอร์) ระดับอาจารย์ รวมในนั้นด้วย
เมื่อวันที่ 27 เมษายน 2564 เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง พร้อมด้วยอาสารักษาดินแดน อ.สบเมย ได้เข้าควบคุมสถานการณ์ที่บ้านแม่สามแลบ โดยมีการสั่งห้ามบุคคลภายนอกเข้าไปในหมู่บ้านแม่สามแลบอย่างเด็ดขาด อ้างเพื่อความปลอดภัย ขณะที่ราษฎรบ้านแม่สามแลบ ได้พากันอพยพไปอาศัยอยู่ที่บ้านห้วยกองก๊าด ซึ่งห่างกันประมาณ 5 กม.
ขณะเดียวกันที่บ้านท่าตาฝั่ง ต.แม่คง อ.แม่สะเรียง เจ้าหน้าที่ทหารพราน สังกัด กองร้อยทหารพรานที่ 3604 กรมทหารพรานที่ 36 ได้ทำการซักซ้อมแผนอพยพให้กับราษฎรในหมู่บ้าน กรณีหากทางการพม่ามีการใช้อากาศยานเข้าโจมตีฐานที่มั่นทหารพม่า ซึ่งถูกทหารกะเหรี่ยงยึดได้เมื่อเช้านี้ ( ยึดได้เพิ่มเติมจากฐานตรงข้ามบ้านสามแลบ )
สำหรับราษฎรบ้านแม่สามแลบ อ.สบเมย ฯที่ได้รับบาดเจ็บจากการสู้รบคือ นาง หน่อ เด หมื่อ อายุ 42 ปี บ้านเลขที่ 27/ช ม.1 แม่สามแลบ ต.แม่สามแลบ อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน ได้รับบาดเจ็บบริเวณหัวเข่าข้างซ้าย จากการถูกกระสุนปืน (ไม่ทราบชนิด) ขณะอยู่ในบ้านพัก ล่าสุดได้รับการส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลแม่สะเรียง เมื่อบ่ายวันนี้
แหล่งข่าวกองพลน้อยที่ 5 ของกะเหรี่ยงเคเอ็นยู เปิดเผยว่า จากสู้รบที่ฐานซอเลท่า ตรงข้ามบ้านแม่สามแลบของไทย ทหารกะเหรี่ยงสามารถยึดได้อาวุธยุทโธปกรณ์ ของทหารพม่าได้เป็นจำนวนมากประกอบด้วย ปืนกลหนัก , ปืนกลเบา , ค.60 , ปืนประจำกาย และยุทธภัณฑ์ต่าง ๆ ในส่วนของ ทหารกะเหรี่ยงได้สูญเสีย นายทหารระดับ ผบ.ร้อย 1 นาย พลฯทหาร 3 นาย และได้รับบาดเจ็บจากการสู้รบ 6 นาย ส่วนฝ่ายพม่าสูญเสียกำลังพลประมาณ 22 นาย ที่เหลือได้หลบหนีเข้าป่าลึกคาดว่าจะติดตามตัวได้ในไม่ช้านี้ ในส่วนของการสูญเสียของฝ่ายกะเหรี่ยงนั้น มีพลซุ่มยิง (สไนเปอร์) ระดับอาจารย์ รวมในนั้นด้วย
ทางด้านศูนย์สั่งการชายแดนจังหวัดแม่ฮ่องสอน โดยนายสิธิชัย จินดาหลวง ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้เปิดแถลงข่าวที่ กรมทหารพรานที่ 36 ค่ายเทพสิงห์ อ.แม่สะเรียง มีใจความว่า เมื่อเวลา 05.00 น. กองกำลังกะเหรี่ยง KNU / KNLA ได้นำกำลังเข้าโจมตีฐานที่มั่นทหารพม่า ฐานซอเลท่า ต่อมาเวลา 09.00 น. ทหารกะเหรี่ยงได้ไล่ติดตามทหารพม่า ที่หลบหนีไปทาง ฐานอูซุท่า ตรงข้ามบ้านแม่แวน หมู่บ้านบริวารบ้านท่าตาฝั่ง ต.แม่คง อ.แม่สะเรียง และเกิดการปะทะกันอีกละลอก ต่อมาเวลา 12.30 น.ทหารพม่าได้ใช้เครื่องบิน บินโจมตีทิ้งระเบิด บริเวณบ้านบาเดอ อ.บือโสะ จ.ผาปูน และฐานดาข่วยของทหารกะเหรี่ยง ตรงข้ามอุทยานแห่งชาติสาละวิน บ้านท่าตาฝั่ง ไม่ทราบผลความเสียหาย โดยปัจจุบัน หน่วยเฉพาะกิจ กรมทหารราบที่ 7 และ หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 36 สามารถควบคุมสถานการณ์ไว้ได้
และจากสถานการณ์การสู้รบกันของทหารพม่ากับทหารกะเหรี่ยง ได้มีราษฎรไทยบ้านแม่สามแลบ ได้อพยพไปอาศัยอยู่ที่บ้านห้วยกองก๊าด จำนวน 450 คน โดยมีหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 36 ตำรวจภูธรสภ.สบเมย เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ( อส.) และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขอำเภอสบเมย เข้าไปดูแลผู้อพยพแล้ว
และจากสถานการณ์การสู้รบกันของทหารพม่ากับทหารกะเหรี่ยง ได้มีราษฎรไทยบ้านแม่สามแลบ ได้อพยพไปอาศัยอยู่ที่บ้านห้วยกองก๊าด จำนวน 450 คน โดยมีหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 36 ตำรวจภูธรสภ.สบเมย เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ( อส.) และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขอำเภอสบเมย เข้าไปดูแลผู้อพยพแล้ว
สำหรับการเตรียมพร้อมหากสถานการณ์รุนแรงมากขึ้น ล่าสุดทางจังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้มีคำสั่งปิดช่องทางจุดผ่อนปรนบ้านแม่สามแลบ อ.สบเมย ฯ ตั้งแต่วันที่ 28 เมษายน 2564 และห้ามผู้ที่ไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้อง เข้าไปในพื้นที่ ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยและการปฏิบัติหน้าที่เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
กรณีการสู้รบมีผลกระทบต่อราษฎรไทย ให้จัดทำแผนพิทักษ์พื้นที่ส่วนหลังไว้เพื่ออพยพราษฎรไทยไปยังสถานที่ปลอดภัยตามแผนดังกล่าว ส่วนกรณีที่มีผู้อพยพชาวพม่าหลบหนีเข้ามาในฝั่งไทย ให้พักรอในพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราว (พื้นที่แรกรับ) ซึ่งอยู่ในการกำกับดูแลของหน่วยทหาร โดยมีการคัดกรองโรคโควิด-19 หากกรณีมีการสู้รบมีความรุนแรงและยืดเยื้อ ให้ดำเนินการเคลื่อนย้ายผู้หลบหนีภัยการสู้รบ ลึกเข้ามาชั้นในประมาณ 1 กม.โดยจะดูแลตามหลักมนุษยธรรม (อาหาร น้ำ ยารักษาโรค) โดยมีองค์กรเอกชนที่เกี่ยวข้องให้การช่วยเหลือ และทางจังหวัดยังไม่มีการประกาศรับบริจาคแต่อย่างใด
การดูแลช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบเบื้องต้นอยู่ในความดูแลช่วยเหลือของ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและหน่วยงานภาครัฐหากเกินขีดความสามารถในการช่วยเหลือจะประกาศรับบริจาคต่อไป ทั้งนี้ประเทศไทยจะไม่สนับสนุนฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง โดยมุ่งเน้นให้ประชาชนคนไทยที่อยู่ใกล้พื้นที่สู้รบได้รับความปลอดภัยสูงสุด และจะดูแลทั้งสองฝ่ายตามมนุษยธรรมอย่างเท่าเทียมกัน
กรณีการสู้รบมีผลกระทบต่อราษฎรไทย ให้จัดทำแผนพิทักษ์พื้นที่ส่วนหลังไว้เพื่ออพยพราษฎรไทยไปยังสถานที่ปลอดภัยตามแผนดังกล่าว ส่วนกรณีที่มีผู้อพยพชาวพม่าหลบหนีเข้ามาในฝั่งไทย ให้พักรอในพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราว (พื้นที่แรกรับ) ซึ่งอยู่ในการกำกับดูแลของหน่วยทหาร โดยมีการคัดกรองโรคโควิด-19 หากกรณีมีการสู้รบมีความรุนแรงและยืดเยื้อ ให้ดำเนินการเคลื่อนย้ายผู้หลบหนีภัยการสู้รบ ลึกเข้ามาชั้นในประมาณ 1 กม.โดยจะดูแลตามหลักมนุษยธรรม (อาหาร น้ำ ยารักษาโรค) โดยมีองค์กรเอกชนที่เกี่ยวข้องให้การช่วยเหลือ และทางจังหวัดยังไม่มีการประกาศรับบริจาคแต่อย่างใด
การดูแลช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบเบื้องต้นอยู่ในความดูแลช่วยเหลือของ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและหน่วยงานภาครัฐหากเกินขีดความสามารถในการช่วยเหลือจะประกาศรับบริจาคต่อไป ทั้งนี้ประเทศไทยจะไม่สนับสนุนฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง โดยมุ่งเน้นให้ประชาชนคนไทยที่อยู่ใกล้พื้นที่สู้รบได้รับความปลอดภัยสูงสุด และจะดูแลทั้งสองฝ่ายตามมนุษยธรรมอย่างเท่าเทียมกัน
เครดิต :
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!" ประกาศ "
ร่วมแสดงความคิดเห็น