เปิดใจ แม่อุ้มลูกติดโควิด 3 รพ.ปฏิเสธ “เอกสายไหม” ซัดคนไทยหรือเปล่า

กรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ "Siripen Kingkapan" ไลฟ์สดขณะนั่งอยู่บนรถ และกำลังอุ้มลูกน้อยวัย 10 เดือนที่มีไข้ขึ้นสูงถึง 39 องศาเซลเซียส พร้อมกับอ้างเด็กติดเชื้อโควิด-19 หลังจากเธอได้ร่ำไห้ครวญครางขับรถตระเวนหาโรงพยาบาลเพื่อรักษาหลายโรงพยาบาล แต่ก็ไม่มีโรงพยาบาลไหนเปิดรับ แม้แต่ห้องฉุกเฉินยังปิด

โดยบางช่วงพบว่าเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งเห็นใจ พยายามช่วยโทรศัพท์ถาม แต่ก็ยืนยันว่าไม่รับรักษา โดยให้เหตุผลว่าโรงพยาบาลเต็ม จนมีผู้เข้ามาคอมเมนต์ให้กำลังใจและแชร์กันออกไปเพื่อหาทางช่วยเหลือจำนวนมาก

กระทั่งมีผู้ใช้เฟซบุ๊ก "Eakpob Laungprasert" ได้โพสต์รูปภาพเด็กเเละเเม่เด็ก กำลังนั่งรถเข็นของโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง โดยระบุข้อมูลว่า ตอนนี้น้องอยู่ในความดูเเลของทีมเเพทย์ รพ.ภูมิพลอดุลยเดช กรมแพทย์ทหารอากาศ และมีอาการปลอดภัยเเล้ว

เปิดใจ แม่อุ้มลูกติดโควิด 3 รพ.ปฏิเสธ “เอกสายไหม” ซัดคนไทยหรือเปล่า

ล่าสุดวันที่ 11 เม.ย.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้พูดคุยกับ น.ส.ศิริเพ็ญ คงกระพันธ์ อายุ 24 ปี แม่ของเด็ก ผ่านทางวิดีโอคอล เนื่องจากขณะนี้ยืนยันผลตรวจเป็นผู้ติดเชื้อโควิด-19 เเละกำลังรักษาตัวอยู่ที่ รพ.ภูมิพลอดุลยเดช กรมแพทย์ทหารอากาศ ยอมรับว่าลูกสาววัย 10 เดือน รับเชื้อโควิด-19 มาจากตัวเธอเอง

น.ส.ศิริเพ็ญ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 5-6 เม.ย.64 ที่ผ่านมา ตนเดินทางไปเที่ยวที่ห้างสรรพสินค้าเเห่งหนึ่ง ในพื้นที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ มีการเดินซื้อของ เเละรับประทานอาหาร ก่อนเดินทางกลับมาที่คอนโดมิเนียมของตัวเอง ย่านสุขุมวิท เเล้วก็ไม่ได้ออกไปไหนอีกเลย

กระทั่งวันที่ 10 เม.ย.64 ลูกสาวมีไข้สูง ตัวร้อน ส่วนตนก็เริ่มปวดหัวเเละเจ็บคอ เมื่อติดตามข่าวสารก็ทราบว่าพื้นที่ที่ตนเดินทางไปนั้น มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 เป็นจำนวนมาก ในเวลา 13.00 น. จึงตัดสินใจเดินทางไปตรวจพร้อมกับลูกสาว ที่โรงพยาบาลเเห่งหนึ่ง ย่านเทพารักษ์ โดยนั่งรอผลตรวจ 1 ชั่วโมง เวลา 14.00 น. ผลตรวจออกมาว่าติดโควิด-19 ทั้งเเม่เเละลูก เเต่ทางโรงพยาบาลเเจ้งว่าไม่มีมาตรการรับผู้ป่วยโควิด-19 เเล้วให้ตนกับลูกกลับไปอยู่ที่คอนโดฯ โดยให้ยาต้านไวรัสมาทานเอง

จากนั้นเวลาประมาณ 22.00 น. อาการลูกเริ่มหนักขึ้นเรื่อย ๆ ตัวร้อนสูง อาเจียน ตนพร้อมกับสามี จึงพาลูกไปที่โรงพยาบาลเดิมที่ตรวจโควิด เพื่อหวังจะให้ช่วยประสานโรงพยาบาลอื่นให้ แต่ทางโรงพยาบาลเเจ้งว่า ให้เดินทางไปที่โรงพยาบาลเเห่งหนึ่ง ย่านลาซาล ซึ่งตนก็เดินทางไป เเต่ก็ได้รับการปฏิเสธว่ายังไม่ได้รับการประสานใด ๆ เเละขณะนี้เตียงก็เต็ม ไม่สามารถรับผู้ป่วยได้ ตนพยายามร้องขอให้ช่วย เเต่ทางโรงพยาบาลก็ปฏิเสธให้ไปรักษาที่อื่น

ทั้งนี้ตนจึงตัดสินใจหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายคลิปไลฟ์สดดังกล่าว ก่อนจะพาลูกไปอีก 2 โรงพยาบาล เเต่ทั้งสองโรงพยาบาลก็ปฏิเสธ ซึ่งหัวอกคนเป็นเเม่ เห็นลูกอาการเเย่ ใจตนก็จะขาด เเต่ทำอะไรไม่ได้ ก่อนรุ่งเช้าได้รับการประสานจากคุณเอกภพ ผู้ช่วย ส.ส.เขตสายไหม ว่าได้ประสาน รพ.ภูมิพลอดุลยเดช กรมแพทย์ทหารอากาศ ให้เเล้ว จึงได้เข้ารักษา ตอนนี้อาการของลูกสาวก็ยังตัวร้อน ส่วนสามีวันนี้ได้ไปตรวจโควิด-19 เเล้ว อยู่ระหว่างกักตัวและรอผล

น.ส.ศิริเพ็ญ กล่าวทั้งน้ำตาว่า "ขอบคุณทุกคนที่ให้การช่วยเหลือ รวมถึงขอบคุณ รพ.ภูมิพลอดุลยเดช กรมแพทย์ทหารอากาศ เพราะหากไม่มีผู้ที่ยื่นมือมาช่วย ลูกคงไม่รอด เเละคงไม่มีโอกาสได้รักษา ลำพังแค่ลูกป่วยก็รู้สึกทรมานมากเล้ว ยังถูกรังเกียจอีก เเละเชื่อว่าคงมีผู้ป่วยอีกหลายคนถูกปฏิบัติเช่นนี้ ดังนั้นจึงอยากฝากถึงโรงพยาบาลทุกเเห่งว่าอย่าผลักไสผู้ป่วยอีกเลย"

นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ หรือ "เอกสายไหม" ผู้ที่ให้การช่วยเหลือเเม่เเละเด็ก ซึ่งเป็นผู้ช่วยของ นายอนุดิษฐ์ นาครทรรพ ส.ส.เขตสายไหม พรรคเพื่อไทย และเป็นผู้ประสาน รพ.ภูมิพลอดุลยเดช กรมแพทย์ทหารอากาศ ให้

นายเอกภพ เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเวลาประมาณ 05.00 น. หลังจากที่มีคนส่งโพสต์ดังกล่าวของเเม่เด็ก ที่มีการไลฟ์สดมาให้ตนดู ก็เกิดความสะเทือนใจเป็นอย่างมาก จึงตัดสินใจประสานไปยัง พลอากาศตรี ทวีพงษ์ ปาจรีย์ รองเจ้ากรมแพทย์ กองทัพอากาศ เพื่อขอความช่วยเหลือ

จากนั้น พลอากาศตรีหญิง อิศรญา สุขเจริญ ผอ.รพ.ภูมิพลอดุลยเดช กรมแพทย์ทหารอากาศ ก็ได้ติดต่อกลับมาหาตนเพื่อสอบถามรายละเอียด โดยหลังจากทราบเรื่องราว ทางผอ.โรงพยาบาล เเจ้งว่ารพ.ภูมิพลอดุลยเดช กรมแพทย์ทหารอากาศ เตียงก็เต็มเช่นกัน เเต่จะจัดห้องเเละเตียงเสริมให้เป็นกรณีพิเศษ ให้พาผู้ป่วยมาได้เลย ตนจึงติดต่อไปหาเเม่เด็กพามาที่โรงพยาบาล ซึ่งระหว่างรอเเอดมิด ตนก็ได้เดินทางไปพูดคุยกับเเม่เด็ก เห็นสภาพเด็ก 10 เดือน คอพับ หน้าเเดง เเละอาเจียน ซึ่งเเม่เด็กก็ถามตนว่า "โรงพยาบาลนี้จะไม่ทิ้งหนูใช่ไหม" ซึ่งเป็นคำพูดที่ฟังเเล้วสลดใจ ตนขอขอบคุณ รพ.ภูมิพลอดุลยเดช กรมแพทย์ทหารอากาศ ที่ให้การช่วยเหลือ

นายเอกภพ กล่าวว่า เรื่องราวเเบบนี้ไม่สมควรเกิดขึ้น เพราะทางรัฐบาลได้ประกาศเเล้ว ว่าทุกโรงพยาบาลที่รักษา ต้องไม่ปฏิเสธคนไข้ หากเตียงเต็มจะต้องช่วยประสานไปยังหน่วยงานอื่น ซึ่งกระทรวงสาธารณสุข ก็มีศูนย์ประสานงาน เเต่เหตุใดจึงไม่ทำ ดังนั้นจึงอยากให้ทุกโรงพยาบาล มองคนไข้เป็นเหมือนลูกหลานของตัวเอง กรณีนี้หากจะดูรายชื่อเเต่ละโรงพยาบาลที่เเม่พาเด็กไป ล้วนเป็นโรงพยาบาลใหญ่ทั้งสิ้น เเต่กลับปฏิเสธทั้ง ๆ ที่เด็กอาการหนักเจียนตาย "ผมขอถามว่าพวกคุณเป็นคนไทยหรือเปล่า" อยากให้ทุกคนช่วยเหลือกันเเละกัน เมื่อประเทศเราเกิดวิกฤตเเบบนี้จึงไม่อยากให้ปัดความรับผิดชอบ

ทั้งนี้ ในวันพรุ่งนี้ (12 เม.ย.64) เวลา 11.30 น. ในช่วงแถลงสถานการณ์โควิด-19 ประจำวันของศบค. อธิบดีกรมการแพทย์จะแถลงถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ณ ปัจจุบัน และประเด็นการติดเชื้อในเด็ก รวมไปถึงทารกในครรภ์ด้วย