ผวา! คลัสเตอร์ผู้ต้องกักติดโควิด พุ่ง 318 ราย เตรียมตั้ง รพ.สนาม

เมื่อวันที่ 22 มีนาคม ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นพ.เฉวตสรร นามวาท ผู้อำนวยการกองควบคุมโรคและภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน กรมควบคุมโรค แถลงถึงสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 ว่า กรณีการติดเชื้อโควิด-19 ของผู้ต้องกักในสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) กรุงเทพมหานคร (กทม.) มีการตรวจตรามาตรฐานต่อเนื่อง โดยวันที่ 6 มีนาคม มีการตรวจผู้ต้องกักชาวเนปาล 1 ราย ผลไม่พบเชื้อ ต่อมา เมื่อมีการตรวจซ้ำเมื่อวันที่ 11 มีนาคม ก็พบว่าติดเชื้อโควิด-19 ขณะเดียวกัน ก็ตรวจพบผู้ต้องกักรายอื่นติดเชื้ออีก 6 ราย ที่ย้ายมาจาก อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส และผู้ต้องกักเดิมติดเชื้ออีก 2 ราย

นพ.เฉวตสรร กล่าวว่า ดังนั้น เมื่อมีการสอบสวนโรคเพิ่มเติม ในวันที่ 13 มีนาคม มีการตรวจผู้ต้องกักที่เป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูงจากกลุ่มที่มาจาก อ.สุไหงโก-ลก จำนวน 137 ราย พบติดเชื้อ 40 ราย รวมกับการตรวจผู้ต้องกักแรกรับ 129 ราย ซึ่งพบติดเชื้อ 12 ราย จากนั้นวันที่ 15 มีนาคม มีการตรวจหาเชื้อในผู้สัมผัสเสี่ยงสูงกับผู้ต้องกักชาวเนปาล 44 ราย และผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำรวมกับเจ้าหน้าที่ 14 ราย พบติดเชื้อ 16 ราย

นพ.เฉวตสรร กล่าวว่า ส่วนจากการค้นหาผู้ป่วยเชิงรุกในกลุ่มเจ้าหน้าที่ทุกคนที่ยังไม่เคยได้รับการตรวจในสัปดาห์ก่อนหน้านี้ โดยเมื่อวันที่ 18 มีนาคม ตรวจไปทั้งหมด 501 ราย พบติดเชื้อ 19 ราย วันที่ 19 มีนาคม ตรวจ 549 ราย พบติดเชื้อ 2 ราย และเมื่อวันที่ 20 มีนาคม ตรวจ 506 ราย พบติดเชื้อ 297 ราย ซึ่งตัวเลขที่ตรวจพบติดเชื้อในวันที่ 20 มีนาคม ยังไม่ได้รายงานต่อศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 (ศบค.) แต่อย่างใด เนื่องจากต้องรอการยืนยันผลตรวจจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ก่อน เพราะฉะนั้น สรุปการตรวจเชื้อฯ ระหว่างวันที่ 6-15 มีนาคม ตรวจทั้งสิ้น 333 ราย พบติดเชื้อ 77 ราย คิดเป็นร้อยละ 23.1 ส่วนผลตรวจวันที่ 18-20 มีนาคม ตรวจทั้งหมด 1,556 ราย พบติดเชื้อ 318 ราย คิดเป็น ร้อยละ 20.43

"ขณะนี้ การป้องกันควบคุมโรคเพิ่มเติม 1.มีการแยกผู้ต้องกักที่ติดเชื้อ ออกจากผู้สัมผัส งดการเคลื่อนย้ายผู้ต้องกักระหว่างห้อง 2.งดรับผู้ต้องกักใหม่ ใน ตม.สวนพลู และบางเขน 3.ประสานสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ร่วมจัดตั้งโรงพยาบาลสนามในพื้นที่สโมสรตำรวจ ขณะนี้ เตรียมพื้นที่ไว้สำหรับผู้ป่วยประมาณ 120 คน สามารถขยายได้ถึง 250 คน 4.เร่งฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้เจ้าหน้าที่ที่มีความเสี่ยงสัมผัสกับผู้ต้องกัก ขณะนี้ดำเนินการไปแล้วมากกว่า 70 ราย และ 5.กรมควบคุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการควบคุมและป้องกันโรค และมีแผนเข้าตรวจผู้ต้องกักซ้ำอีกใน 7 วัน และ 14 วันต่อไป" นพ.เฉวตสรร กล่าว

นพ.เฉวตสรร กล่าวว่า ตัวเลขการฉีดวัคซีน 73,517 โดส คิดเป็น ร้อยละ 79 หลายๆ จังหวัดการฉีดวัคซีนมีความก้าวหน้าได้ดีตามลำดับ หลายจังหวัดฉีดได้ครบ 100% ส่วนที่กรุงเทพฯ กำลังเร่งมือฉีด ซึ่งขณะนี้ฉีดได้ ร้อยละ 28 แล้ว