กรมป่าไม้ แจ้งจับ ธนาธร-แม่-พี่สาว รุกป่าสงวน-ฟ้องเรียกค่าเสียหาย
นายอดิศร กล่าวว่า ภายหลังการปฏิบัติร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ขยายผลสืบสวนสอบสวนต่อเนื่องจากข้อมูลเดิมที่ได้ดำเนินการไว้ กรณีที่ดินของนางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ พร้อมลงตรวจสอบพื้นที่จริงที่ที่ดินแปลงดังกล่าว โดยตรวจสอบพบการกระทำผิดจริง และได้ดำเนินการแจ้งความดำเนินคดีไปแล้วกับ นางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ ในความผิดใช้เอกสาร ภ.บ.ท.5 และ น.ส.2 ยึดถือครอบครองที่ดินในเขตป่าสงวนแห่งชาติแบบผิดกฎหมาย เนื้อที่รวม 440 ไร่ และได้ร้องทุกข์กล่าวโทษกับทางบก.ปทส. ตั้งแต่วันที่ 30 ธ.ค. 63 ที่ผ่านมา
พร้อมส่งเรื่องให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เพื่อดำเนินการตามมูลฐานความผิด การบุกรุกทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมถือเป็นมูลฐานความผิดของกฎหมายฟอกเงิน ซึ่งดำเนินการไปแล้ว และกำลังอยู่ในการดำเนินการรวบรวมประเมินความเสียหายภาครัฐ เพื่อดำเนินการฟ้องแพ่งเรียกค่าเสียหายภาครัฐตามระเบียบ และกฎหมายต่อไป
คณะเจ้าหน้าที่จึงได้ร่วมขยายผลสืบสวนสอบสวนตรวจสอบต่อเนื่องจนถึงวันนี้ โดยกรมป่าไม้ได้ตรวจยึดดำเนินคดีทั้งหมดเนื้อที่ 2154-3-82 ไร่ ประเมินความเสียหายภาครัฐจำนวน 147,063,223.15 บาท เพื่อดำเนินการฟ้องแพ่งเรียกค่าเสียหายภาครัฐตามระเบียบ และกฎหมายต่อไป
ตรวจสอบพบผู้ครอบครอง น.ส.3ก คือ นางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ จำนวน 53 ฉบับ เนื้อที่ 1,940-3-93 ไร่ น.ส.ชนาพรรณ จึงรุ่งเรืองกิจ จำนวน 5 ฉบับ เนื้อที่ 132-0-22 ไร่ และนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ จำนวน 2 ฉบับ เนื้อที่ 81-3-67 ไร่ รวมเนื้อที่ 2,154-3-82 ไร่ ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ได้ตรวจพบทั้ง 60 ฉบับ ออกโดยไม่มีหลักฐานเดิม (ส.ค.1) เป็นการเดินสำรวจออกเมื่อปี 2521 ก่อนประกาศพื้นที่ดังกล่าวเป็นป่าสงวนแห่งชาติ เมื่อปี 2527 แต่พื้นที่ดังกล่าวถูกประกาศเป็นเขตป่าไม้ถาวรหมายเลข 85 เมื่อปี 2512 หรือก่อนที่จะมีการออกเอกสาร น.ส.3ก ทั้ง 60 ฉบับ จึงเป็นเอกสารสิทธิที่ดินที่ออกมาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
และตรวจสอบพบเจ้าหน้าที่ภาครัฐทั้งเจ้าพนักงานที่ดิน และเจ้าพนักงานฝ่ายปกครอง 5 ราย ได้ร่วมกันออกเอกสารสิทธิที่ดิน น.ส.3ก ทั้ง 60 แปลง เนื้อที่ 2154-3-82 ไร่ ประกอบด้วย นายวานิภพ ธรรมวิเศษ เป็นเจ้าหน้าที่พิสูจน์สอบสวน นายรวม ชลิตโกมุท เป็นผู้ช่วยผู้กำกับภาคสนาม นายไพโรจน์ รัตนวิสาลนนท์ เป็นผู้ควบคุมสาย นายโกศล ลักษิตานนท์ เป็นผู้ลงนามเห็นควรออก น.ส.3ก นายเฉลิมวงศ์ สรรพศิริ ปลัดอำเภอ ทำการแทนนายอำเภอจอมบึง เป็นผู้ลงนามคำสั่งให้ออกเอกสาร น.ส.3ก ตั้งแต่ช่วงปี พ.ศ. 2521
1.กระทำความผิดตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 มาตรา 14 "ยึดถือครอบครองทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยในที่ดิน ก่อสร้าง แผ้วถางทำด้วยประการใด ๆ อันเป็นการเสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติโดยมิได้รับอนุญาต" ต้องระวางโทษตามมาตรา 31
2.กระทำความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช 2484 มาตรา 54 ฐาน "ก่อสร้าง แผ้วถาง เผาป่า ทำด้วยประการใด ๆ อันเป็นการทำลายป่าเข้ายึดถือและครอบครองป่าเพื่อตนเองหรือผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต" ต้องระวางโทษตามมาตรา 72 ตรี
3.กระทำความผิดตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 9 ฐาน "เข้าไปยึดถือครอบครอง ก่อสร้าง เผาป่า ทำด้วยประการใด ให้เป็นการทำลาย หรือทำให้เสื่อมสภาพที่ดินในที่ดินของรัฐโดยไม่มีสิทธิครอบครอง หรือมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่"
4. กระทำความผิดตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535 มาตรา 97 ฐาน "กระทำหรือละเว้นการกระทำด้วยประการใดโดยมิชอบด้วยกฎหมาย อันเป็นการทำลายหรือทำให้สูญหายหรือเสียหายแก่ทรัพยากรธรรมชาติ
5.การกระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต
ด้านพล.ต.ต.พิทักษ์ กล่าวว่า ความคืบหน้าคดีที่กรมป่าไม้ ร้องทุกข์กล่าวโทษต่อนางสมพร แม่นายธนาธร เมื่อปลายปี 2563 โดยมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวน ซึ่งต้องใช้ความละเอียดรอบคอบและให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ส่วนในคดีล่าสุด กรมป่าไม้มีหลักฐานชัดเจนว่าบุคคลทั้ง 3 คนกระทำความผิด รวมทั้งเจ้าหน้าที่กรมที่ดินอีก 5 คน โดยบก.ปทส.จะรับเรื่องไว้ ส่วนฝ่ายที่ถูกกล่าวหาเราก็ให้ความเป็นธรรม สามารถมาแสดงหลักฐานได้