ผู้เชี่ยวชาญชี้ ยังไม่มีโควิด-19กลายพันธุ์ชนิดใด เอาชนะวัคซีนได้
หน้าแรกTeeNee ที่นี่ข่าววันนี้, ข่าวหน้าหนึ่ง ข่าวอื่นๆ ผู้เชี่ยวชาญชี้ ยังไม่มีโควิด-19กลายพันธุ์ชนิดใด เอาชนะวัคซีนได้
7 มกราคม 2564 สำนักข่าวซินหัวรายงาน เดอะ เดลี พอร์ทัลข่าวสารของมหาวิทยาลัยเคสเวสเทิร์นรีเสิร์ฟ (CWRU) อ้างอิงคำพูดของผู้เชี่ยวชาญที่กล่าวว่า ขณะนี้มีการศึกษาที่พิสูจน์ได้แล้วว่าวัคซีนที่มนุษย์มีในปัจจุบันยังคงสามารถใช้ต่อต้านโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ทุกสายพันธุ์ ที่ระบาดในผู้คนกว่า 100 ล้านคนทั่วโลกได้
มาร์ก คาเมรอน (Mark Cameron) นักวิจัยชำนาญการจากภาควิชาประชากรและวิทยาศาสตร์สุขภาพเชิงปริมาณ คณะแพทยศาสตร์ของมหาวิทยาลัยฯ ผู้ดำเนินการวิจัยเกี่ยวกับโรคโควิด-19 และโรคติดเชื้ออื่นๆ กล่าวว่า
โชคร้ายที่ล่าสุดไวรัสโคโรนาเกิดการกลายพันธุ์หลายครั้ง ซึ่งทำให้มันดูเหมือนจะได้เปรียบ เนื่องจากสามารถที่ทำให้มนุษย์ติดเชื้อได้ง่ายขึ้น แม้จะสัมผัสเชื้อน้อยกว่า แต่ยังโชคดีที่บริษัทวัคซีนหลายแห่งได้ศึกษาสายพันธุ์ไวรัสเหล่านี้อย่างใกล้ชิด และยังไม่พบข้อบ่งชี้ว่าไวรัสสายพันธุ์ใหม่เหล่านี้สามารถเล็ดลอดจากฤทธิ์ของวัคซีนที่เรามีอยู่ในปัจจุบันได้
คาเมรอนซึ่งมีส่วนร่วมในทีมวิจัยการดูแลผู้ป่วยก่อนวิกฤต (rapid-response) เมื่อครั้งเกิดการระบาดของโรคซาร์ส (โรคทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง - SARS) ที่เมืองโตรอนโต ประเทศแคนาดา ในช่วงต้นทศวรรษ 2000 กล่าวว่า ในความเป็นจริง โมเดอร์นา (Moderna) ผู้ผลิตวัคซีนรายใหญ่เพิ่งเปิดเผยข้อมูลเมื่อวันจันทร์ (25 ม.ค.) ที่แสดงให้เห็นว่าเลือดจากผู้ที่ได้รับวัคซีนแล้ว ยังคงสามารถลบล้างฤทธิ์ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ที่พบในสหราชอาณาจักรที่เรียกว่า ‘บี.1.1.7' (B.1.1.7) ได้อย่างสมบูรณ์
แต่วัคซีนที่เรามีอยู่นั้นไม่สามารถลบล้างฤทธิ์ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ที่พบในแอฟริกาใต้ หรือ บี.1.351 (B.1.351) ได้โดยสมบูรณ์ ผู้ที่ได้รับวัคซีนแล้วจึงยังคงต้องปัองกันตัวเองจากไวรัสสายพันธุ์นี้อยู่" เขากล่าว "แน่นอนว่าเราต้องศึกษาให้มากขึ้นเพื่อทำความเข้าใจเรื่องขอบเขตและระยะเวลาในการสร้างภูมิคุ้มกันต่อไวรัสเหล่านี้
สำหรับความกังวลที่ว่าไวรัสสายพันธุ์ใหม่อาจเป็นอันตรายมากขึ้นเนื่องจากสามารถแพร่กระจายได้ง่ายขึ้นหรือก่อให้เกิดความเสียหายได้มากขึ้นหลังการติดเชื้อ นักวิจัยชำนาญการให้ความเห็นว่า "เรายังไม่ทราบแน่ชัด"
มาร์ก คาเมรอน (Mark Cameron) นักวิจัยชำนาญการจากภาควิชาประชากรและวิทยาศาสตร์สุขภาพเชิงปริมาณ คณะแพทยศาสตร์ของมหาวิทยาลัยฯ ผู้ดำเนินการวิจัยเกี่ยวกับโรคโควิด-19 และโรคติดเชื้ออื่นๆ กล่าวว่า
โชคร้ายที่ล่าสุดไวรัสโคโรนาเกิดการกลายพันธุ์หลายครั้ง ซึ่งทำให้มันดูเหมือนจะได้เปรียบ เนื่องจากสามารถที่ทำให้มนุษย์ติดเชื้อได้ง่ายขึ้น แม้จะสัมผัสเชื้อน้อยกว่า แต่ยังโชคดีที่บริษัทวัคซีนหลายแห่งได้ศึกษาสายพันธุ์ไวรัสเหล่านี้อย่างใกล้ชิด และยังไม่พบข้อบ่งชี้ว่าไวรัสสายพันธุ์ใหม่เหล่านี้สามารถเล็ดลอดจากฤทธิ์ของวัคซีนที่เรามีอยู่ในปัจจุบันได้
คาเมรอนซึ่งมีส่วนร่วมในทีมวิจัยการดูแลผู้ป่วยก่อนวิกฤต (rapid-response) เมื่อครั้งเกิดการระบาดของโรคซาร์ส (โรคทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง - SARS) ที่เมืองโตรอนโต ประเทศแคนาดา ในช่วงต้นทศวรรษ 2000 กล่าวว่า ในความเป็นจริง โมเดอร์นา (Moderna) ผู้ผลิตวัคซีนรายใหญ่เพิ่งเปิดเผยข้อมูลเมื่อวันจันทร์ (25 ม.ค.) ที่แสดงให้เห็นว่าเลือดจากผู้ที่ได้รับวัคซีนแล้ว ยังคงสามารถลบล้างฤทธิ์ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ที่พบในสหราชอาณาจักรที่เรียกว่า ‘บี.1.1.7' (B.1.1.7) ได้อย่างสมบูรณ์
แต่วัคซีนที่เรามีอยู่นั้นไม่สามารถลบล้างฤทธิ์ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ที่พบในแอฟริกาใต้ หรือ บี.1.351 (B.1.351) ได้โดยสมบูรณ์ ผู้ที่ได้รับวัคซีนแล้วจึงยังคงต้องปัองกันตัวเองจากไวรัสสายพันธุ์นี้อยู่" เขากล่าว "แน่นอนว่าเราต้องศึกษาให้มากขึ้นเพื่อทำความเข้าใจเรื่องขอบเขตและระยะเวลาในการสร้างภูมิคุ้มกันต่อไวรัสเหล่านี้
สำหรับความกังวลที่ว่าไวรัสสายพันธุ์ใหม่อาจเป็นอันตรายมากขึ้นเนื่องจากสามารถแพร่กระจายได้ง่ายขึ้นหรือก่อให้เกิดความเสียหายได้มากขึ้นหลังการติดเชื้อ นักวิจัยชำนาญการให้ความเห็นว่า "เรายังไม่ทราบแน่ชัด"
แต่เขาได้เสริมว่าอาจเป็นไปได้ว่าสายพันธุ์ใหม่กำลังหาทางกลับมาโจมตีจุดอ่อนที่สุดของมนุษย์ ด้วยความสามารถในการแพร่กระจายอย่างมหาศาล ซึ่งสิ่งสำคัญคือทุกคนก็จะยังคงต้องป้องกันตนเองเพื่อหลีกเลี่ยงการแพร่ระบาดเหมือนเช่นเคยในขณะที่มีการเร่งฉีดวัคซีน
ขณะเดียวกัน คาเมรอนชี้ว่า บรรดาบริษัทเภสัชกรรมกำลังพัฒนาวัคซีนให้มีฤทธิ์ต้านไวรัสสายพันธุ์ใหม่ทั้งหมดโดยกล่าวว่า
วัคซีนเหล่านี้จะบรรจุข้อความไว้ ซึ่งเมื่อฉีดเข้าสู่ร่างกายแล้ว เซลล์ของเราจะอ่านข้อความนั้นเพื่อดำเนินการสร้างสไปก์โปรตีนของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (SARS-CoV-2) ที่บอกให้ระบบภูมิคุ้มกันของเรารู้ว่าควรตอบสนองอย่างไรหลังจากนั้น
เขาเสริม และหากข้อความสไปก์โปรตีนของโรคโควิด-19 มีการเปลี่ยนแปลงที่ผิดไปจากปกติ ร่างกายของคุณก็สามารถปรับเปลี่ยนข้อความเดียวกันนี้ที่อยู่ในวัคซีน ให้สอดรับกับการต่อต้านไวรัสสายพันธุ์ใหม่ได้อย่างง่ายดายเมื่อจำเป็นเมื่อบ่ายวันพุธ (27 ม.ค.) ศูนย์วิทยาศาสตร์และวิศวกรรมเชิงระบบ (CSSE) แห่งมหาวิทยาลัยจอห์นส์ ฮอปกินส์ รายงานว่ายอดผู้
ป่วยโรคโควิด-19 ทั่วโลกนั้นพุ่งสูงกว่า 100 ล้านคน ซึ่งครอบคลุมผู้เสียชีวิตมากกว่า 2.1 ล้านราย
วัคซีนเหล่านี้จะบรรจุข้อความไว้ ซึ่งเมื่อฉีดเข้าสู่ร่างกายแล้ว เซลล์ของเราจะอ่านข้อความนั้นเพื่อดำเนินการสร้างสไปก์โปรตีนของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (SARS-CoV-2) ที่บอกให้ระบบภูมิคุ้มกันของเรารู้ว่าควรตอบสนองอย่างไรหลังจากนั้น
เขาเสริม และหากข้อความสไปก์โปรตีนของโรคโควิด-19 มีการเปลี่ยนแปลงที่ผิดไปจากปกติ ร่างกายของคุณก็สามารถปรับเปลี่ยนข้อความเดียวกันนี้ที่อยู่ในวัคซีน ให้สอดรับกับการต่อต้านไวรัสสายพันธุ์ใหม่ได้อย่างง่ายดายเมื่อจำเป็นเมื่อบ่ายวันพุธ (27 ม.ค.) ศูนย์วิทยาศาสตร์และวิศวกรรมเชิงระบบ (CSSE) แห่งมหาวิทยาลัยจอห์นส์ ฮอปกินส์ รายงานว่ายอดผู้
ป่วยโรคโควิด-19 ทั่วโลกนั้นพุ่งสูงกว่า 100 ล้านคน ซึ่งครอบคลุมผู้เสียชีวิตมากกว่า 2.1 ล้านราย
" ประกาศ "
ร่วมแสดงความคิดเห็น