ล่าสุด ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม กล่าวว่า
กรณีดังกล่าวศาลปกครองสูงสุดหรือศาลฎีกาเคยวางหลักไว้ว่า หากเป็นลาภที่เคยได้ รับมาโดยสุจริต ใช้ไปโดยสุจริต เข้าใจว่ามีสิทธิ์ใช้ ไม่มีความผิด ซึ่งจะคืนหรือไม่คืนเงินก็ได้ โดยผู้ที่ไม่มีเงินไม่จำเป็นต้องคืน
ผู้ที่ควรรับผิดชอบคือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น นายกอบต. นายกเทศมนตรี ผอ.สำนักงบประมาณ ที่เป็นผู้อนุมัติเงินต้องเป็นผู้รับผิดชอบ อย่าโยนภาระให้ประชาชน เพราะกรณีดังกล่าวกรมบัญชีกลางออกประกาศมาตั้งแต่ปี 2552 เหตุใดจึงไม่ตรวจสอบตั้งแต่ตอนนั้น ปล่อยให้เวลาล่วงเลยมาเป็น 10 ปี
นอกจากนี้ทนายรณรงค์ยังแนะนำให้ดำเนินคดีกับนายกอบต. ที่ไม่ตรวจสอบ ให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) ไต่สวนว่าการที่องค์กรปกครองท้องถิ่นไม่ตรวจสอบ ถือเป็นการประมาทเลินเล่อหรือละเลย ทำให้เงินงบประมาณแผ่นดินเสียหายหรือไม่