งามไส้! พบตร.189 ราย ระดับนายพล 5 ราย เอี่ยวอมเบี้ยเลี้ยงโควิด
โดยพบว่า ทุก บช. มีข้าราชการตำรวจ ที่เข้าสู่กระบวนการทางวินัย ประมาณ 189 นาย จากพื้นที่ นครบาล และ ภ.จว รวม 23 จังหวัด ทั้งระดับกองบังคับการ ภูธจังหวัด และ ระดับสถานีตำรวจ รวม 73 หน่วย โดยมีตั้งแต่ระดับพล.ต.ต. หรือผู้บังคับการ 5 นาย พ.ต.อ. 48 นาย นอกนั้นเป็นระดับ รอง ผกก , สว ,รอง สว. และ ผบ.หมู่ รวม 136 นาย ซึ่งมีการพิจารณาโทษตามแต่มูลเจตนาของผู้กระทำผิดตั้งแต่ เบาไปถึงหนัก ตั้งแต่ว่ากล่าวตักเตือน การภาคฑัณฑ์ การกักยาม การกักขัง การตัดเงินเดือน และหนักสุดคือ การเสนอเข้าสู่การสอบสวนพิจารณาวินัยร้ายแรงซึ่งหากมีหลักฐานยืนยัน ก็จะเข้าสู่การลงโทษ ปลดออก ไล่ออก และดำเนินคดีทางอาญาต่อไป
นอกจากนั้นยังได้ดำเนินการทางการปกครองอีกส่วนหนึ่ง โดย มีการย้ายข้าราชการตำรวจที่ถูกพิจารณาโทษ โดยเฉพาะระดับ ผกก. - สว. ออกจากพื้นที่ไปทำหน้าที่อื่น เช่น ตำรวจภูธรภาค 6 และ ตำรวจภูธรภาค 8 ซึ่ง พล.ต.อ.วิสนุ ได้กำชับไม่ให้มีการย้ายผู้ที่ถูกย้าย กลับไปที่เดิมโดยเด็ดขาด
ในที่ประชุม พล.ต.อ.วิสนุ ได้ย้ำให้ ทุก บช.ระมัดระวัง การเบิกจ่ายเบี้ยเลี้ยงของผู้ใต้บังคับบัญชาทุกประเภท โดยเฉพาะ ในช่วงที่มีการระบาดของเชื้อโควิด-19 รอบใหม่ ซึ่งตำรวจโดยเฉพาะในพื้นที่ประกาศล็อคดาวน์ จำเป็นต้องใช้กำลังพลสนับสนุนภารกิจ ทั้งการลาดตระเวน และ จุดคัดกรอง ดังนั้นการพิจารณาโทษในครั้งนี้ ให้ทุกหน่วยถอดบทเรียน และต้องไม่เกิดขึ้นซ้ำรอยอีกแล้ว การเบิกจ่ายทุกชนิด ต้องไม่บกพร่อง จะอ้างว่า ไม่รู้ไม่เข้าใจระเบียบไม่ได้ ต้องทำให้ถูกต้องตั้งแต่กระดุมเม็ดแรก และ ในวันนี้ เงินเบี้ยเลี้ยงที่เบิกมาต้องถึงมือผู้ได้รับสิทธิทั้งหมด โดยให้ ผบช.สตส เข้าตรวจสอบตามกระบวนการตรวจสอบภายใน ให้เรียบร้อย โดยในลำดับต่อไป ทาง ตร.จะส่งรายงานผลการดำเนินการให้ สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน และ ป.ป.ช. ทราบเป็นข้อมูล ต่อไป