นักประชากรศาสตร์ เตือน!กรุงเทพฯ เสี่ยงแพร่โควิดมากกว่า ตจว.

ไทม์ไลน์ผู้ติดเชื้อโควิด-192 ที่เสียชีวิต ในเขตกทม. ถูกเผยแพร่โดย ร.อ.พงศกร ขวัญเมือง โฆษกกรุงเทพมหานคร จากกราฟฟิกจะเห็นว่า มีผู้สัมผัสเสี่ยงสูง มากถึง 279 คน กระจายอยู่ในสถานบันเทิงหลายแห่ง คือ

นอกจากร้าน groove evening ที่ก่อนหน้านี้ถูกเปิดเผยออกมาแล้ว ว่าผู้ติดเชื้อโควิด คนนี้ ไปใช้บริการมา ยังพบอีกว่า เมื่อ 25 ธันวาคม 2563 ผู้ติดเชื้อคนนี้ เดินทางไปที่ ร้าน New Jazz ตรงข้าม The mall ท่าพระ และร้าน The SUN ถ.บรมราชชนนี

โดยที่ ร้าน New Jazz ตอนนี้มีประกาศติดตามผู้ที่เคยไปใช้บริการตั้งแต่วันที่ 25 ธันวาคมที่ผ่านมา ให้ไปตรวจหาเชื้อโควิด-19 เพราะ เบื้องต้นตรวจหาเชื้อจากพนักงาน 20 คน พบว่า มี 9 คนติดโควิด ขณะที่ในร้านมีพนักงานรวม 120 คน ส่วนที่ร้าน The Sun ตอนนี้ พบผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 120 คน อยู่ระหว่างสอบสวนโรค

นอกจากนี้ยังพบว่า ผู้ติดเชื้อคนนี้ไปร้าน The roof bar ถ.พระราม 3 บางคอแหลม ระหว่างวันที่ 13-30 ธ.ค. ซึ่งขณะนี้กำลังเร่งสอบสวนโรคอยู่

นอกจากนั้น เพจเฟซบุ๊กโฆษกกรุงเทพมหานครยังเปิดเผยไทม์ไลน์ผู้ติดเชื้อโควิดในกรุงเทพฯ อีก 17 คน พบสถานที่ชุมชนที่ผู้ป่วยเคยเดินทางไปหลายแห่ง ทั้งตลาดสด ศูนย์การค้าส่ง ห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร ร้านกาแฟ

พีพีทีวี พูดคุยกับ ศาสตราจารย์ วิพรรณ ประจวบเหมาะ คณบดีวิทยาลัยประชากรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มองว่า การแพร่ระบาดโควิด-19 ในเขตกทม. มีโอกาสเกิดขึ้นมากกว่าในต่างจังหวัด เพราะ ในแต่ละพื้นที่มีความหนาแน่นของประชากรสูง เช่น เขตบางกอกน้อย มีประชากรสูงที่สุดในกทม. คือ 102,938 คน แต่มีพื้นที่เพียง 12 ตารางกิโลเมตร หมายความว่า เฉลี่ยแล้ว พื้นที่ 1 ไร่ จะมีประชากรอยู่ร่วมกัน ประมาณ 8,500 คน หรือ หากดูจำนวนชุมชนในกทม. จะพบว่า หลายเขตมีชุมชนอยู่รวมกันเกือบ 100 ชุมชน เช่น เขตหนองจอก มีชุมชนรวม 98 ชุมชน เขตดอนเมือง 95 ชุมชน และ เขต คลองสามวา มีชุมชนรวม 83 ชุมชน

ซึ่งในจำนวนนี้มีประชากรแฝงรวมอยู่ด้วย หมายความว่า ในช่วงเทศกาลปีใหม่ที่เพิ่งผ่านมา ประชาชนจำนวนหนึ่งเดินทางกลับภูมิลำเนา และเมื่อกลับเข้ามาทำงานในกทม. ก็มีความเสี่ยงนำเชื้อโควิด-19 จากต่างจังหวัดกลับเข้ามาในกทม.ด้วย

ศาสตราจารย์ วิพรรณ ยังบอกอีกว่า หลายชุมชนมีความแออัด รวมถึงประชาชนในกทม.ส่วนใหญ่อยู่รวมกัน โดยเฉพาะ กลุ่มคนจนเมืองที่อาศัยในชุมชนแออัด ซึ่งมองว่า เป็นกลุ่มที่ต้องเฝ้าระวังพิเศษ เนื่องจากพื้นที่ในการรักษาระยะห่างมีจำกัด ทำให้คนกลุ่มนี้มีโอกาสสัมผัสเชื้อโรคได้มากกว่าปกติ นอกจากนี้ยังพบว่า กลุ่มผู้สูงอายุ เป็นอีกกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง เพราะ แม้ว่าจะป้องกันตัวเองอย่างดี แต่เมื่ออยู่รวมกันบุตรหลานที่ทำงานนอกบ้าน ก็มีโอกาสเสี่ยงที่จะได้รับการแพร่เชื้อโควิดได้ เช่นเดียวกับคนที่อยู่คอนโด หรือ อพาร์เม้นท์ ที่ต้องใช้พื้นที่ส่วนกลางร่วมกัน เป็นความเสี่ยงที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

ศาสตราจารย์ วิพรรณ มองว่า ข้อมูลด้านประชากรศาสตร์ของกทม.จะช่วยทำให้การจัดการปัญหาโควิด-19 มีประสิทธิภาพมากขึ้น จึงอยากให้ภาครัญที่มีส่วนเกี่ยวข้องพัฒนาและจัดเก็บข้อมูลให้สอดคล้องกับความเป็นจริง เพราะ ปัจจุบันข้อมูลในระบบไม่อัพเดต ทำให้การวิเคราะห์ข้อมูลหรือนำข้อมูลมาใช้ไม่สามารถช่วยประเมินสถานการณ์ได้เต็มที่