ศบค. ยกระดับ 28 จังหวัด พื้นที่ควบคุมสูงสุด คุมเข้ม1เดือน
พื้นที่ควบคุมสูงสุด 28 จังหวัด
1) ตาก
2) นนทบุรี
3) ปทุมธานี
4) พระนครศรีอยุธยา
5) สระบุรี
6) ลพบุรี
7) สิงห์บุรี
8) อ่างทอง
9) นครนายก
10) กาญจนบุรี
11) นครปฐม
12) ราชบุรี
13) สุพรรณบุรี
14) ระจวบคีรีขันธ์
15) เพชรบุรี
16) สมุทรสงคราม
17) สมุทรสาคร
18) ฉะเชิงเทรา
19) ปราจีนบุรี
20) สระแก้ว
21) สมุทรปราการ
22) จันทบุรี
23) ชลบุรี
24) ตราด
25) ระยอง
26) ชุมพร
27) ระนอง
28) กรุงเทพฯ
พื้นที่ควบคุม 11 จังหวัด
1) สุโขทัย
2) กำแพงเพชร
3) นครสวรรค์
4) อุทัยธานี
5) ชัยนาท
6) เพชรบูรณ์
7) ชัยภูมิ
8) บุรีรัมย์
9) นครราชสีมา
10) สุราษฎร์ธานี
11) พังงา
พื้นที่เฝ้าระวังสูง (38 จังหวัดที่เหลือ)
โดยในที่ประชุมเมื่อเช้านี้ ขอให้กำหนดพื้นที่ควบคุมสูงสุด (สีแดง) 28 จังหวัด พื้นที่ควบคุม (สีส้ม) 11 จังหวัด และพื้นที่เฝ้าระวังสูง (สีเหลือง) 38 จังหวัด ต้องมีมาตรการที่นำกว่าไวรัสไปอีกขั้นหนึ่ง
เราได้ผลเรียนรู้จากมาตรการที่ใช้ยาแรงตั้งแต่เดือนมีนาคม 2563 ใช้ยาแรงและเจ็บปวดกันมาก ช็อกกันช่วงแรกๆ แต่เอาอยู่ในช่วงเวลาประมาณ 2 เดือนกว่า ครั้งนี้เรียนรู้แล้วว่าการล็อกดาวน์ไม่มีใครอยากจะได้ยิน แต่ต้องมีผู้เสียสละ คือพื้นที่สีแดง ไม่ถึงขนาดล็อกดาวน์ แต่เป็นการเข้มงวดมากๆ คบคุมสูงสุดมากๆ
ซึ่งมาตรการแบ่งออกเป็น 2 ขั้น โดยในขั้นที่ 1 จะนำข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ฉบับที่ 5 และ 6 รวมถึงคำสั่ง ศบค.ที่ 2/2563 และ 3/2563 (ฉบับที่ 1) (เรื่องแนวปฏิบัติตามข้อกำหนด ออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548) มาใช้
หากใช้มาตรการขั้นที่ 1 แล้วยังควบคุมโรคไม่ได้ดี ก็จะไปขั้นที่ 2 คือการนำข้อกำหนดตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ฉบับที่ 1, 2, 3 มาใช้
ทั้งนี้ทุกภาคส่วนดำเนินมาตรการป้องกันโควิด-19 ในส่วนที่เกี่ยวข้องตามที่ ศบค. กำหนดอย่างบูรณาการ และประสานสอดคล้อง ซึ่งเป็นมาตรการที่กำหนดให้ดำเนินการในพื้นที่ควบคุมสูงสุด โดยแบ่ง มาตรการ 2 ขั้น