ตร.เผยข้อมูลใหม่ที่ไม่เคยรู้มาก่อน หลังเข้ายึดเคตามีนเมืองนนท์

เมื่อวันที่ 16  ธ.ค.ที่กระทรวงยุติธรรม พล.ต.อ.มนู เมฆหมอก รอง ผบ.ตร. เปิดเผยถึงกรณีเข้าตรวจยึดเคตามีน น้ำหนัก 300 กก. ที่โกดังใน จ.นนทบุรี และขยายผลยึดเฮโรอีน 228 กก. ที่บ้านเช่าย่านห้วยขวางว่า  การปฏิบัติการดังกล่าว เป็นการประสานข้อมูลร่วมกับหน่วยงานปราบปรามยาเสพติดของไต้หวัน  โดยโกดังใน จ.นนทบุรี ตรวจค้นพบถุงกระสอบบรรจุแป้งมัน น้ำหนักถุงประมาณ 850 กก. จำนวน 39 ถุง เมื่อเปิดกระสอบตรวจเบื้องต้น พบถุงบรรจุยาเคตามีนอยู่ด้านในซุกซ่อนไว้ในถุงแป้งมันดังกล่าว  ซึ่งปริมาณที่แน่ชัดต้องรอตรวจสอบอีกครั้ง เมื่อสอบถามคนเฝ้าโกดังทราบว่ารับผิดชอบการเฝ้าโกดังเท่านั้น จึงจับกุมและขยายผลต่อสามารถยึดเฮโรอีนได้อีก 200 กก. ที่บ้านเช่าย่านห้วยขวาง

พล.ต.อ.มนู กล่าวอีกว่า จากการสืบสวนพบว่ายาเสพติดมาจากภาคเหนือ นำมาพักที่บ้านเช่าหรือโกดังใน กทม.ตอนใน และมีปลายทางส่งไปไต้หวัน โดยเครือข่ายยาเสพติดจะนำเคตามีนที่เก็บไว้ในโกดัง อ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี ไปโรงงานใน อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นโรงงานทำแป้งมัน เพื่อบรรจุกระสอบหลอกตาเจ้าหน้าที่ไม่ให้เกิดความสงสัยระหว่างขนส่งไปไต้หวัน  แต่จะมีความเชื่อมโยงกับเครือข่ายยาเสพติดที่ป.ป.ส.เข้าตรวจค้นโกดัง จ.ฉะเชิงเทรา ก่อนหน้านี้หรือไม่ เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบ เนื่องจากพฤติการณ์ รวมถึงต้นทางและปลายทางที่ส่งยาเสพติดเหมือนกัน

นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการ ป.ป.ส. เปิดเผยว่า ตนได้นำหลักฐานที่เกี่ยวข้อง จากการตรวจค้นในโกดัง จ.ฉะเชิงเทรา ส่งให้ตำรวจ บช.ปส. เพื่อตรวจสอบความเชื่อมโยงว่า มีเส้นทางลำเลียงเดียวกันหรือไม่ และเป็นเครือข่ายเดียวกันหรือไม่ โดยขณะนี้ทราบชื่อ 3 กลุ่มในคดีที่เกี่ยวข้องกับความผิดนอกราชอาณาจักรแล้ว รออัยการสูงสุด มีคำสั่งตั้งอัยการรวมสอบกับพนักงานสอบสวนของตำรวจ และออกหมายจับ ทั้งนี้ ที่ผ่านมาพบว่าเคตามีนจะถูกนำเข้าจากอินเดียเข้ามาพักในประเทศไทย เพื่อส่งต่อไปประเทศที่สาม แต่ปัจจุบันพบว่าพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำสามารถผลิตเคตามีนได้แล้ว นี่คือข้อมูลใหม่ที่เราไม่เคยทราบมาก่อน หากทางไต้หวันไม่ประสานมาก็ไม่รู้ ดังนั้น นอกจากเฮโรอีนและยาบ้าก็ต้องเฝ้าระวังการลักลอบผลิตและลำเลียงเคตามีนอย่างเข้มข้นมากขึ้น