ผู้ว่า ททท. เปิดกลโกงเราเที่ยวด้วยกัน ของโรงแรม-ร้านค้า
นายยุทธศักดิ์ กล่าวว่า ททท.ตรวจพบธุรกรรมที่ต้องสงสัยมีแนวโน้มไปในทางฉ้อโกงหลายรูปแบบ ซึ่งมีผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องเป็นโรงแรม ร้านค้า และประชาชนที่ร่วมขบวนการ พบว่ามีโรงแรมที่เข้าข่ายพฤติกรรมต้องสงสัยประมาณ 312 ราย ร้านค้า 202 ราย ส่วนผู้ที่ใช้สิทธิตามโครงการก็ยังคงสามารถเข้าพักหรือใช้สิทธิต่าง ๆ ตามเงื่อนไขได้เช่นเดิม
ผู้ว่าฯ ททท. กล่าวอีกว่า โดยรูปแบบการทำธุรกรรมที่เกิดขึ้น ได้แก่
1.การเข้าเช็กอินในโรงแรมราคาถูก แต่ไม่ได้มีการเข้าพักจริง ซึ่งจะได้ประโยชน์ในการใช้สิทธิคูปองใช้จ่ายวันธรรมดา 900 บาท วันเสาร์-อาทิตย์ 600 บาท
2.โรงแรมขึ้นราคาค่าห้องพัก โดยร่วมมือกับร้านอาหาร หรือร้านค้าที่รับชำระคูปอง ซึ่งกรณีนี้ถือเป็นการซื้อขายสิทธิการใช้ห้องพัก แต่ไม่ได้เกิดการเดินทางจริง
นายยุทธศักดิ์ กล่าวว่า 3.จองแล้วยังไม่ได้เช็คอิน และยังไม่ชำระเงิน 4.มีการใช้ส่วนต่างของคูปองเพื่อรับส่วนต่างเต็มจำนวนกรณีร้านค้าเพิ่มราคาอาหารไปมากกว่ามูลค่าอาหาร 5.มีการเข้าพักจริง แต่เข้าพักแบบเป็นกรุ๊ปเหมา โดยตั้งราคาห้องพักในระดับสูง และสามารถรับเงินส่วนต่างที่ตกลงกันไว้ เป็นการร่วมมือกันระหว่างโรงแรมและผู้เข้าพัก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกรณีที่จองตรงกับโรงแรม
ผู้ว่าฯ ททท. กล่าวต่อว่า และ 6.โรงแรมที่เปิดขายห้องพักเกินจำนวนจริงที่มี อาทิ มีห้องพักจริง 100 ห้อง แต่เปิดขาย 300 ห้อง ซึ่งจำนวนห้องที่เกินมาจะนำไปขายต่อให้กับโรงแรมอื่น เพื่อรับประโยชน์จากเงินส่วนต่าง ธุรกรรมที่ต้องสงสัยมีผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องเป็นโรงแรม และร้านค้า จากข้อมูลที่มีพบว่า มีโรงแรมที่เข้าข่ายพฤติกรรมต้องสงสัยประมาณ 312 ราย และร้านค้า 202 ราย
ด้าน พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวว่า โครงการเราเที่ยวด้วยกัน ซึ่งเป็นโครงการที่ประชาชนให้ความสนใจ ทางกระทรวงการคลังและธนาคารกรุงไทยได้ตรวจสอบว่า มีการเข้าข่ายกระทำความผิดในการฉ้อโกง พบว่ามีหลายโรงแรม และหลายร้านค้าที่เข้าข่ายความผิด ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะดำเนินการให้กองบัญชาการสอบสวนกลาง (บช.ก.) เข้าไปดำเนินการตรวจสอบ พร้อมทั้งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบโดยเฉพาะ