เปิดใจ สาวทำงาน โรงแรม1G1 จ.ท่าขี้เหล็ก กับความจริงอีกมุม

นี่เป็นคำยืนยันจาก ชาวไทใหญ่ เธอเป็นพนักงานใน 1จี1 เล่าให้ทีมข่าวพีพีทีวีฟังว่า 1จี1มีลักษณะเป็นเหมือนผับทั่วไป ภายในมีคาราโอเกะ มีเด็กนั่งดริ้งสำหรับเอนเตอร์เทรนลูกค้า แล้วก็มีในส่วนของตัวโรงแรมสำหรับการพักค้างคืน สำหรับค่าตัว ยืนยันว่า มากกว่าหลักพันบาท ส่วนกรณีเรื่องยาเสพติดพนักงานสาวคนนี้บอกว่า คงมีทั้งสิ่งถูกกฎหมายและไม่ถูกกฎหมาย

สาวไทใหญ่คนนี้ ได้เปิดเผยข้อมูล หลังสื่อมีการนำเสนอเรื่องราวของ 1G1 ที่ต่างจากข้อเท็จจริงออกไป เธอแก้ต่างพร้อมเล่าว่า หากสาวคนใดต้องการทำงาน ที่1G1 ขั้นตอนการสมัครงาน ต้องส่งคลิปวีดีโอไปแคสงานกับทางร้านก่อน ไม่สามารถไปโดยพละการได้ หากแคสผ่านถึงจะมีสิทธิเข้าไปทำงาน โดยรายได้ต่อเดือนสูง อยู่ที่6-7หมื่นบาท หรือบางรายอาจได้มากกว่า1แสนบาทต่อเดือน
ถ้าหากผ่านการคัดเลือกแล้ว วิธีไปที่ 1G1 ต้องนั่งเครื่องไปที่จังหวัดเชียงราย และต่อแท็กซี่ที่อำเภอแม่สาย ทำเรื่องผ่านข้ามแดนชั่วคราว แต่อายุในการผ่านข้ามแดน จะอยู่ได้แค่7วันเท่านั้น และต้องกลับมาต่อเอกสาร ทุกๆ7วัน โดยเสียค่าธรรมเนียมวันละ20บาท ส่วนเวลาเข้างาน เริ่มตั้งแต่ 4ทุ่มครึ่ง ของเวลาพม่า เลิกงาน ประมาณตี4 ของเวลาไทย เนื่องจากเวลาไทยกับพม่าจะห่างกันครึ่งชั่วโมง
ส่วนการไปทำงานใน1จี1 แต่ละรอบคนไทยจะสามารถอยู่ได้เพียง15วันเท่านั้น หลังจากนี้ต้องดูที่ผลงาน หากไม่ผ่านการประเมินก็ไม่สามารถทำงานต่อได้ ซึ่งลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการส่วนใหญ่ก็จะเป็นชาวจีน ส่วนเรื่องยาเสพติดก็ยอมรับว่ามี แต่ทางโรงแรมไม่ได้เป็นผู้จัดหาให้

พนักงานสาวคนดังกล่าว ยังบอกอีกว่าหลังมีกระแสข่าวออกไปว่า สาวที่ทำงานบริการใน1จี1 ส่วนใหญ่ต้องค้าบริการ และมักมีเรื่องของยาเสพติดเข้ามาเกี่ยวข้อง เธออ้างว่าไม่เป็นความจริง เรื่องนี้ทำให้พวกเธออับอาย และได้รับผลกระทบไปถึงครอบครัวด้วย

ขณะที่ พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รองผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เปิดเผยว่า ปัจจุบันสถานบันเทิงในจังหวัดท่าขี้เหล็ก ได้รับความนิยมจากสาวไทยเป็นอย่างมากเนื่องจากมีรายได้สูง การเดินทางเข้าออกสะดวกสบาย ซึ่งสถิติการเดินทางเข้าออกของสาวไทย ในช่วงก่อนโควิด-19 สูงถึงวันละ1หมื่นคน

แต่หลังจากเกิดโรคโควิด-19 ระบาด ประเทศไทยได้ปิดทางเข้าออกชายแดนต่างๆ อนุญาตให้เพียงบางกรณีเท่านั้น เช่นแพทย์ที่เดินทางไปรับผู้ป่วยคนไทยในประเทศเมียนมา และรถขนส่งสินค้าที่จำเป็น ทำให้สาวไทยที่จะเดินทางไปประกอบอาชีพยังประเทศเมียนมาต้องลักลอบเข้าออกตามช่องทางธรรมชาติ เนื่องจากมีการตรึงกำลังของเจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตให้เดินทางออกนอกประเทศ
ส่วนด่านตรวจคนเข้าเมืองที่สาวไทยใช้เดินทางไปทำงาน ที่ 1จี1แบบถูกต้องตามกฎหมาย มีเพียง2ด่านเท่านั้น คือด่านเชียงแสน และด่านแม่สาย ที่ผ่านมาสาวไทยที่จะข้ามไปทำงาน ส่วนใหญ่จะมีนายหน้าพาเข้าออกชายแดนตามปกติ

แต่ช่วงหลัง สถานการณ์โควิด ทำให้สาวไทยที่ต้องการข้ามไปทำงาน โดยใช้วิธีลักลอบออกตามช่องธรรมชาติโดยคนชาวบ้านในพื้นที่รับจ้างพาออกไป

สำหรับด่านตวจคนเข้าเมืองตามจุดชายแดนต่างๆทั่วประเทศ รองผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ระบุว่า มีทั้งหมด 126 ด่าน ซึ่งแบ่งเป็น ด่านบก54ด่าน ด่านทางน้ำและอากาศอีก72ด่าน ซึ่งตำรวจก็นำรั้วลวดหนามและหีบเพลงมาวาง พร้อมกับจัดกำลังเจ้าหน้าที่สลับสับเปลี่ยนคอยตรวจตราบริเวณเส้นทางธรรมชาติที่เหลือทั้งหมด

และ หากคนไทยที่ประสงค์จะเดินทางกลับ ต้องแจ้งความจำนงผ่านกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อทำการจองวันกลับ และต้องรอตรวจคนเข้าเมืองของจังหวัดเชียงรายอนุญาต หากตรวจพบว่ามีอาการป่วยก็จะส่งไปรักษาตัวยังโรงพยาบาล แต่หากไม่มีอาการป่วยก็ต้องเข้าสถานกักกันที่รัฐจัดเตรียมไว้