แพทย์ศิริราช ชี้โควิดสายพันธุ์จากเมียนมา แพร่ระบาดเร็วกว่าที่อู่ฮั่น

โดยสายพันธุ์ G ในเมียนมา มีหลักฐานระบุชัดว่า สามารถแพร่ระบาดได้รวดเร็ว แต่ยังไม่สามารถระบุว่ามีความรุนแรงของโรคที่จะทำให้อัตตราการเสียชีวิตเพิ่มสูง แต่สถานการณ์ที่เกิดขึ้นและพบว่ามีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก เนื่องจำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จนระบบสาธารณสุขไม่สามารถรองรับได้ อย่างไรก็ตามพบว่า การแพร่ระบาดของ โควิด-19 ที่เกิดในตอนนี้ยังเกิดในกลุ่มผู้สัมผัสเสียงสูงจากกลุ่มบุคคลที่เดินทางกลับจากเมียนมายังไม่ถือว่าเป็นการระบาดรอบที่สองขอให้ประชาชน เข้มงวดไหนมาตรการป้องกันควบคุมโรคเนื่องจากยังไม่ทราบข้อมูลที่ชัดเจนว่าผู้เดินทางกลับจากจังหวัดพักขี้เหล็กประเทศเมียนม่ามีกี่รายและเดินทางไปยังจุดใดบ้าง

ศ.นพ.ประสิทธิ์ กล่าวว่า การที่มีคนไทยลักลอบกลับจากประเทศเมียนมาเข้ามาประเทศไทย และปกปิดข้อมูลจึงเป็นอันตรายกับตัวเอง คนในครอบครัว สังคม บุคลากรทางการแพทย์ที่ให้การดูแล ซึ่งสถานการณ์ไทยวันนี้ทำให้เห็นว่า จุดอ่อนแม้แต่จุดเดียว อาจส่งผลมหาศาลต่อประเทศและส่งผลกระทบเชิงลบให้กับสังคม จึงขอความร่วมมือคนไทยยกการ์ดขึ้นสูง ใช้วัคซีนที่เรามี คือ การปฏิบัติตามคำแนะนำ สวมหน้ากาก ล้างมือ เว้นระยะห่างอย่างเคร่งครัด ให้ความร่วมมือลงทะเบียนเข้า-ออกเมื่อใช้สถานที่ ช่วยกันแนะนำคนรู้จักให้ปฏิบัติอย่างถูกต้อง เพื่อให้ป้องกันโควิดได้ทันทีโดยไม่ต้องรอวัคซีนที่ยังต้องใช้เวลาอีกนานไม่ต่ำกว่าครึ่งปีกว่าจะได้ใช้

พร้อมกันนี้ ทาง ศ.ดร.นพ. ประสิทธ์ เผยว่ามีการพูดคุยเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ โดยขณะนี่หลายโรงพยาบาลต่างๆ เตรียมพร้อมเครื่องมือและบุคคลากรเพื่อรองรับหากเกิดการแพร่ระบาด ส่วนเรื่องวัคซีนที่ผลิตอยู่หลายบริษัทได้ถูกจองวัคซีนในล็อตแรกหมดแล้ว และในบางประเทศมีการจองวัคซีนที่เกินกว่าจำนวนประชาชน ซึ่งทางประเทศไทยได้มีร่วมลงนามกับ บ.เอสตราเซเนกา ซึ่งยืนยันได้ว่าประเทศไทยจะได้รับวัคซีนอย่างแน่นอน

ศ.นพ.ประสิทธิ์ กล่าวอีกว่า ขณะนี้ มี 3 ปัจจัยที่น่าห่วงขณะนี้ คือ

1.อากาศเย็นที่ทำให้คนอยู่ในอาคารซึ่งเป็นพื้นที่ปิดและไม่สวมหน้ากากมากขึ้น

2.ชายแดนที่มีการแพร่ระบาดรุนแรงมากขึ้น ทั้งเมียนมา มาเลเซีย โดยเฉพาะคนที่ลักลอบเข้ามาเป็นปัจจัยเสริมให้เกิดการระบาดได้

3.การชุมนุมต่างๆ แต่อยากให้เข้าใจและย้ำเตือน เพราะไม่มีใครชนะหากเกิดการระบาดขึ้น

จึงอยากขอให้หลีกเลี่ยง ในส่วนของโรงพยาบาลขณะนี้ทุกแห่งได้เตรียมการรับมือแล้ว แต่ก็หวังจะไม่เกิดการระบาดรุนแรง ส่วนความคืบหน้าการผลิตวัคซีน ล่าสุดบริษัทต่างๆ ที่ผลิตใน 2 ลอตแรกถูกจองหมดแล้ว สำหรับประเทศไทยที่มีข้อตกลงกับแอสตร้าเซเนกา หากไทยได้รับข้อมูลองค์ความรู้มาเมื่อไหร่ ก็จะต้องผ่านกระบวนการผลิตอีก 4 เดือน และต้องผ่านการตรวจสอบจาก อย.อีก 3 รอบ ใช้เวลาประมาณ 1 เดือน คาดว่าจะได้ฉีดครั้งแรกหลังเดือน พ.ค. 2564