มจร.แจงแล้ว ปมพระนิสิตนั่งอัดกันบนรถเมล์ หลังภาพแชร์ว่อนโซเชียล

มจร.แจงแล้ว ปมพระนิสิตนั่งอัดกันบนรถเมล์ เผยเป็นวันแรกที่เปิดภาคเรียน รถเมล์รับ-ส่ง สายสนามหลวงขาดไป 1 คัน จึงอาจทำให้เกิดความเข้าใจผิด

จากกรณีที่มีนิสิตมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร.) โพสต์เฟซบุ๊กภาพพระนิสิต มจร. นั่งเบียดกันบนรถเมล์

 พร้อมข้อความระบุว่า

 มหาวิทยาลัยได้ตัดงบประมาณเรื่องสวัสดิการนิสิตโดยเฉพาะเรื่องรถเมล์รับ-ส่งนิสิต ตัดลงเหลือแค่ 3 คัน ส่งผลให้นิสิตต้องนั่งเบียดกันอย่างแออัดเพื่อเดินทางมาเรียนที่ มจร. อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา

และต่อมาพระมหาไพรวัลย์ วรวัณโณ วัดสร้อยทอง ได้ออกมาแสดงความคิดเห็น และแชร์โพสต์ดังกล่าว จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันบนโลกออนไลน์นั้น

ล่าสุดวันที่ 10 พ.ย.63 พระเมธีธรรมาจารย์ (ประสาร จันทสาโร) รองอธิการบดีฝ่ายวางแผนและพัฒนา มจร. กล่าวว่า

มหาวิทยาลัยจัดรถเมล์รับส่งพระนิสิต เป็นประจำทุกวันโดยแบ่งสายดังนี้

1.สนามหลวง-มจร.วังน้อย วันละ 4 คัน

2.วัดศรีสุดาราม บางขุนนนท์-มจร.วังน้อย วันละ 4 คัน และส่งกลับ

3.สวนจตุจักร-มจร.วังน้อย วันละ 1 คัน รวมรถเมล์รับ-ส่งทั้งหมด 9 คัน

และถ้าไม่เพียงพอก็สามารถเสริมได้อีก

สำหรับปัญหาที่พระนิสิตโพสต์ลงเฟซบุ๊กนั้น เหตุเกิดเมื่อวันที่ 8 พ.ย. ซึ่งเป็นวันแรกที่เปิดภาคเรียน รถเมล์รับ-ส่ง สายสนามหลวงขาดไป 1 คัน จึงอาจทำให้เกิดความเข้าใจผิด ทั้งจากพระนิสิตผู้โพสต์และพระมหาไพรวัลย์ ที่ไม่เข้าใจข้อเท็จจริงทั้งหมด

อย่างไรก็ตาม เมื่อมีข่าวปรากฏออกมา ฝ่ายกิจการนิสิตได้เรียกประชุม ร่วมกับคณะที่รับผิดชอบและผู้แทนนิสิต เพื่อให้ความสะดวกนิสิตอย่างเต็มที่ ตามที่นิสิตต้องการและจำเป็น พร้อมกันนี้อาตมาได้นำฝ่ายกองแผนงาน กองกิจการนิสิตและฝ่ายประชาสัมพันธ์ มจร. ลงพื้นที่ดูแลรถรับส่งและสอบถามนิสิตโดยตรง ซึ่งจากการพูดคุยกับพระนิสิต บอกว่ารถมีจำนวนเพียงพอ ไม่มีปัญหาตามที่เป็นข่าว

พระเมธีธรรมาจารย์ กล่าวต่อไปว่า มหาวิทยาลัยมีรถเมล์รับส่งนิสิตจำนวน 9 คัน โดยมีค่าใช้จ่ายในปีงบประมาณที่ผ่านมากว่า 6 ล้านบาท ค่าภัตตาหารเช้า-เพล สำหรับพระนิสิตทั้งหมดกว่า 8 ล้านบาท ทั้งหมดนี้มหาวิทยาลัยไม่ได้รับการจัดสรรงบฯ เลย ผู้บริหารต้องหางบฯ จากการบริจาคของญาติโยมมาใช้จ่าย มหาวิทยาลัย

จึงขอยืนยันว่า ได้ให้ความสำคัญจัดสรรสวัสดิการให้กับพระนิสิตอย่างเพียงพอและเหมาะสมกับสมณภาวะ แม้ว่าจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายมากเพียงใดก็ตามมหาวิทยาลัยก็ยินดีเพื่อจะให้พระหนุ่มเณรน้อยได้รับการศึกษาที่ดีและนำเอาความรู้ที่ได้จากการศึกษาเล่าเรียนในมหาวิทยาลัยแห่งนี้ไปเผยแผ่พระพุทธศาสนาต่อไป