เมื่อเวลา 17.30 น. วันที่ 20 ต.ค. นายกิตติพงศ์ กิตติขจร รองผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (สายปฏิบัติการ 1) บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลจะเปิดรับนักท่องเที่ยวประเภทพิเศษ Special Tourist Visa (STV) เข้ามาเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศไทย โดยจะเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ประสงค์เดินทางมาพำนักระยะยาว (Long Stay) และต้องยอมรับการปฏิบัติตามมาตรการด้านสาธารณสุขที่ประกาศใช้ภายในประเทศไทย
นายกิตติพงศ์ กล่าวต่อว่า ซึ่งในวันนี้มีนักท่องเที่ยวประเภทพิเศษ STV กลุ่มแรกเดินทางเข้าประเทศไทย เป็นนักท่องเที่ยวชาวจีนจำนวน 39 คน เดินทางมาโดยสายการบิน Spring Airlines เที่ยวบินที่ 9C8579 จากเมืองเซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีน ถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) เวลา 17.10 น. โดยนักท่องเที่ยวต้องผ่านกระบวนการตรวจคัดกรองเชื้อไวรัสโควิด-19 ตามมาตรการของรัฐเหมือนกับผู้โดยสารทั่วไป และต้องตกลงยินยอมกักตัวในห้องพักจำนวน 14 วัน (Alternative State Quarantine: ASQ)
นายกิตติพงศ์ กล่าวต่อว่า สุวรรณภูมิมีความพร้อมในการรองรับนักท่องเที่ยวแล้วและมีการประสานการทำงานกับกระทรวงสาธารณสุข หน่วยงานราชการ สายการบินและผู้ปฏิบัติงานภายในสุวรรณภูมิ เพื่อกำหนดแนวทางการปฏิบัติงานร่วมกันให้สอดคล้องกับแนวทางของรัฐบาล เช่น การตั้งจุดคัดกรองของด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ การจัดเตรียมพื้นที่ตั้งห้องปฏิบัติการสำหรับการตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 ด้วยระบบการตรวจหาสารคัดหลั่งทางพันธุกรรม หรือ PCR ซึ่งมีความรวดเร็วและแม่นยำถึงร้อยละ 95 ที่สามารถทราบผลตรวจได้ภายใน 90 นาที
ทั้งนี้ ทสภ. ได้มีการจัดเตรียมพื้นที่บริเวณ Gate D3 และ D4 ไว้เป็นห้องพักคอยสำหรับผู้โดยสารที่ต้องรอผลตรวจ ซึ่งภายในห้องดังกล่าวมีการทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ และจัดที่นั่งให้มีการเว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) รวมทั้งมีห้องน้ำและสิ่งอำนวยความสะดวก รวมทั้งน้ำดื่มไว้ให้บริการด้วย นอกจากนี้ ทสภ. ยังจัดให้มีเจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวกและให้คำแนะนำผู้โดยสารในการกรอกข้อมูลในแบบฟอร์ม (ใบ ต.8) การโหลด Application ติดตามตัว รวมถึงการดำเนินการตามขั้นตอนต่างๆ ด้วย