อดีตผอ. แฉแหลก! ทุจริตรับนร.เข้าโรงเรียนดัง มีรถหรู 24 คัน
วันที่ 2 ต.ค. นายโสภณ กมล อดีตผอ.โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ได้ออกมาแฉถึงพฤติกรรมการรับผลประโยชน์จากการรับนักเรียน โดยระบุว่า สืบเนื่องจากที่ตนรับตำแหน่งผู้อำนวยการตั้งแต่เดือนพ.ย.2561 ก่อนเกษียณอายุวันที่ 30 ก.ย.ที่ผ่านมา ตนพบปัญหาเกิดขึ้นในโรงเรียนมากมาย จึงขอออกมาอธิบายถึงปัญหาของโรงเรียน ไม่ว่าจะเป็นปัญหาที่คณะกรรมการสถานศึกษาฯ ที่ต้องการอยู่ในตำแหน่งต่อทั้งที่หมดวาระไปเมื่อวันที่ 27 มี.ค.2563 ซึ่งทางโรงเรียนได้แต่งตั้งคณะกรรมการสถานศึกษาฯชุดใหม่ขึ้นมา แต่คณะกรรมการฯชุดเก่าไม่ยอมรับ
"โดยอ้างว่าตัวประธานคณะกรรมการสถานศึกษา คือ นายบุญรักษ์ ยอดเพชร อดีตเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) ที่ได้รับคัดเลือกและแต่งตั้งใหม่นั้น ขึ้นมาโดยที่ไม่สง่างาม พร้อมกับอ้างด้วยว่า ประธานคณะกรรมการสถานศึกษาฯนั้นต้องเป็นศิษย์เก่าโรงเรียนเท่านั้น ซึ่งการอ้างนี้ไม่มีข้อบังคับและระเบียบกำหนดไว้เลย บุคคลเหล่านี้จึงไปร้องเรียนเรื่องการตั้งคณะกรรมการสถานศึกษาฯ อาจไม่ถูกต้องกับหน่วยงานต่างๆ ผมคาดว่าเหตุที่ร้องเรียนนั้นเพราะประธานคณะกรรมการศึกษาฯคนเก่า ต้องการดำรงตำแหน่งต่อไปคาดว่าอาจจะได้รับผลประโยชน์จากการรับนักเรียน และคณะกรรมการสถานศึกษาฯ ชุดเก่าแต่ละคนนั้น เป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง มีหน้ามีตาในสังคม"
นายโสภณ กล่าวต่อว่า ในช่วงการรับนักเรียนปีการศึกษา 2563 จะพบว่าตนถูกร้องเรียนเรื่องความไม่โปร่งใสเรื่องการจัดซื้อจัดจ้าง ไม่ว่าจะเป็นที่ สำนักนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการ ศธ. สพฐ. สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ป.) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เป็นต้นเพื่อปั่นป่วนต้องการให้ตนถูกย้าย และบุคคลาเหล่านี้จะได้เข้ามามีส่วนในการรับนักเรียน แต่ตนพร้อมชี้แจงให้ตรวจสอบทุกอย่างเพราะมีหลักฐานว่าทุกอย่างที่ตนทำนั้นถูกระเบียบและถูกกฎหมาย
นายโสภณ กล่าวอีกว่า เมื่อปปง. และป.ป.ช. ตรวจสอบพบบัญชีต่างๆพบบัญชีโรงเรียน 2-3 บัญชีที่มีครูและบุคลากร 2 คนทำการเบิกถอนไปใช้ส่วนตัวโดยไม่รายงานผู้อำนวยการ ซึ่งพบว่าทำการถอนหลักล้านบาท และพบบัญชีหนังสืองานอนุสรณ์ มีผู้เกี่ยวข้องมากกว่า 3 คนไปเบิกถอนใช้ส่วนตัวและต้องถูกตรวจสอบเรื่องนี้ การกระทำเหล่านี้ถือเป็นการยักยอกทรัพย์ และการย้ายบุคคลเหล่านี้เพื่อป้องกันการลายหลักฐาน ซึ่งตนมอบหมายให้รักษาการผู้อำนวยการโรงเรียน ไปแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้อง พร้อมกับส่งสำเนาการแจ้งความให้ สพท. เพื่อให้ สพท. ตั้งคณะกรรมการสอบสวนเพื่อสอบวินัยร้ายแรงบุคคลเหล่านี้ และรายงานเรื่องนี้ให้ สพฐ.รับทราบต่อไป