แพทย์เชียงใหม่ปลื้มทำกิ๊ฟแฝดชาย 4 สำเร็จ

สาวชาวไร่เฮคลอดลูกชายแฝดสี่ที่เชียงใหม่ ทีมแพทย์รพ.มหาราชฯปลื้ม ฝีมือทำกิ๊ฟได้แฝดสี่จากเด็กหลอดแก้วครั้งแรกของประเทศ

(29ตค.) เวลา 11.00น. คณะแพทย์ รพ.มหาราชนครเชียงใหม่ โดย รศ.นพ.นิเวศน์ นันทจิต คณะบดีคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่(มช.) รศ.นพ.วัฒนา นาวาเจริญ ผอ.รพ.มหาราชนครเชียงใหม่และทีมสูติแพทย์และกุมารแพทย์ รพ.มหาราชนครเชียงใหม่ ร่วมกันเปิดแถลงข่าวความสำเร็จในการทำผสมเทียม (ทำกิ๊ฟ)ให้กับนางประนอม ตาปัง อายุ 27 ปี อาชีพทำไร่ อยู่บ้านเลขที่ 2/5 หมู่4 ต.แม่ยวง อ.แม่สะเรียง จ.เชียงใหม่ ที่ตั้งครรภ์และให้กำเนิดลูกชายแฝดสี่ที่รพ.มหาราชนครเชียงใหม่ ซึ่งขณะนี้ทั้งแม่และเด็กแฝดทั้งหมดได้รับการดูแลจนอยู่ในความปลอดภัยแล้ว

รศ.นพ.นิเวศน์ นันทจิต คณะบดี คณะแพทยศาสตร์ มช. เปิดเผยว่า

กรณีการทำคลอดเด็กแฝดสี่ครั้งนี้น่าจะเป็นแฝดสี่จากการผสมเทียมเด็กหลอดแก้วครั้งแรกของประเทศ ซึ่งเด็กถือกำเนิดมาในวันที่ 25 ต.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งทางโรงพยาบาลต้องระดมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทั้งสูติแพทย์ กุมารแพทย์กว่า 10 คนในการทำคลอด กรณีนี้ถือว่าเป็นเด็กแฝดที่คลอดออกมาและทั้งหมดเป็นฝาแฝดไม่เหมือน คือเป็นเด็กชาย 4 คนที่หน้าตาไม่เหมือนกัน

ก่อนหน้าที่จะตั้งท้องนางประนอม แม่ของเด็กได้มาปรึกษาแพทย์ว่าแต่งงานกับสามี คือนายประชา ตาปัง อายุ 32 ปี

ทำงานเป็นนักการภารโรง ของ รพ.อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอนอยู่กินกันมานานถึง 8 ปีแต่ไม่ตั้งท้อง หลังสอบถามข้อมูลและตรวจร่างกายฝ่ายชายและหญิงทางแพทย์ตัดสินใจที่จะเลือกใช้วิธีผสมเทียมเด็กในหลอดแก้วแบบ "อิกซี่" ซึ่งเป็นเทคโนโลยีช่วยเจริญพันธุ์ที่มีความซับซ้อน

สาเหตุที่ต้องเลือกวิธีการดังกล่าวเนื่องจากตรวจพบว่าฝ่ายชายอยู่ในสภาพที่สเปริมมีอสุจิในอัตราที่ต่ำคือน้อยกว่า 5 ล้านตัวต่ออสุจิ 1 ซีซี

ซึ่งตามหลักคนปกติจะมีสเปริมอยู่ที่เกิน 20 ล้านตัวต่ออสุจิ 1 ซีซี ประกอบกับก่อนหน้านี้นางประนอมเคยไปรับการทำกิ๊ฟที่ รพ.อื่นมาแล้วแต่ไม่สำเร็จ กระทั่งเดือน เม.ย.2550 ทีมแพทย์ได้กระตุ้นไข่ฝ่ายหญิงและฉีดตัวอสุจิเข้าไปในไข่ด้วยวิธีอิกซี่ดังกล่าวจนตั้งครรภ์ แม่ของเด็กอุ้มท้องนาน 33 สัปดาห์กับอีก 2 วัน และสามาถคลอดเด็กแฝดสี่ออกมาดังกล่าว

รศ.นพ.วีรวิทย์ ปิยะมงคล อาจารย์ประจำภาควิชาสูตินารีศาสตร์ นารีเวชวิทยา หัวหน้าทีมแพทย์ที่ดูแลมารดา กล่าวว่า

การผ่าตัดทำคลอดแฝด4ใช้เวลา 43 นาที ซึ่งปกติทางการแพทย์นั้นถือว่าการตั้งครรภ์แฝด4คนนั้นเป็นภาวะที่มีความเสี่ยงมากต่อภาวะแทรกซ้อนหลายอย่าง เช่นการคลอดก่อนกำหนด ถุงน้ำรั่ว คลอดยากและเด็กที่ออกมาตัวจะเล็กกว่าการคลอดเดี่ยว ซึ่งทารกชายที่คลอดออกมาคนแรกมีน้ำหนักตัวอยู่ที่ 1,770 กรัม ลูกคนที่สองซึ่งคลอดห่างกับคนแรก 1 นาทีหนัก 1,150 กรัม คนที่3หนัก 1,080 กรัม คนที่4คลอดห่างจากคนสุดท้าย 2 นาทีหนักเพียง 1,500 กรัมเท่านั้น

แต่กรณีนี้คณะแพทย์ต้องใช้ความระมัดระวังและดูแลทุกกระบวนการตั้งแต่ตั้งครรภ์จนคลอดออกมาอย่างใกล้ชิดและทำได้สำเร็จ

แม้เบื้องต้นเด็กแฝดจะออกมามีน้ำหนักที่น้อยและไม่แข็งแรงเหมือนเด็กปกติแพทย์ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจและฉายแสงช่วยเนื่องจากมีอาการตัวเหลืองถึง 3 คน โดยเฉพาะคนสุดท้องที่คลอดออกมามีอาการน่าเป็นห่วงที่สุด นอกจากใช้เครื่องช่วยหายใจ ฉายแสงช่วยรักษาอาการตัวเหลือง หลังคลอดมีเลือดออกมากกว่าปกติแพทย์ได้ให้น้ำเหลืองเพิ่ม ขณะนี้มีอาการที่ดีขึ้นคาดว่าไม่เกินสัปดาห์หน้าหากไม่มีอาการแทรกซ้อนเชื่อว่าจะออกจากห้องไอซียูได้เช่นกับแฝดพี่คนอื่น ๆ

ด้านนางประนอม ตาปัง มารดาของเด็กแฝดสี่ กล่าวว่า

ตอนที่ตั้งท้องหมอได้อัลตร้าซาวน์และแจ้งให้ทราบก่อนแล้วว่าได้ลูกเป็นแฝดตอนแรกคิอว่า 3 คน แต่อัลตร้าซาวน์ครั้งหลังพบว่ามี 4 คน รู้สึกดีใจเป็นอย่างมากที่ตั้งท้องและคลอดลูกแฝดสี่ออกมาปลอดภัย เพราะก่อนหน้านี้เคยไปบนบานครูบาศรีวิชัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์หลายแห่ง กระทั่งทำได้สำเร็จแม้ตนและสามีจะมีฐานะที่ยากจนแต่ไม่ยอมยกลูกไปให้ใครเลี้ยง ตอนนี้ได้หารือกับปู่ย่าตายายแล้วทางญาติจะช่วยกันดูแล

สำหรับการทำกิ๊ฟครั้งนี้ได้ให้สามีซึ่งเป็นพนักงานชั่วคราวกู้เงินจากที่ทำงานมาใช้ทำกิ๊ฟหมดกว่า 1 แสนบาท

ส่วนการทำคลอดนั้นใช้สิทธิโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค แต่ตามกฎหมายครอบคลุมแค่ 3 คน คนที่4 นั้นทางโรงพยาบาลแนะนำให้ใช้สิทธิบัตรทองของสามี ส่วนการเลี้ยงดูหลังจากนี้นั้นคงต้องใช้เงินมากเพราะมีลูกพร้อมกันถึง 4 คน แต่คิดว่าไม่มีปัญหาตนและสามีพร้อมที่จะทำงานให้หนักขึ้นและจะพยายามหาเงินมาเลี้ยงดูลูกที่เกิดมาให้ได้ อย่างไรก็ตามทราบว่าทางรพ.ได้เตรียมให้การช่วยเหลือโดยจะนำตู้บริจาคค่านมไปตั้งวางเพื่อรับบริจาคในโรงพยาบาลด้วย ซึ่งหากผู้ใจบุญจะช่วยแบ่งเบาในส่วนนี้ตนก็ยินดี