อดีตนักข่าว เผยสื่อช่องดังสั่งเกาะติด คดีน้องชมพู่ อ้างเรตติ้งพุ่ง-เม็ดเงินเข้า


อดีตนักข่าว เผยสื่อช่องดังสั่งเกาะติด คดีน้องชมพู่ อ้างเรตติ้งพุ่ง-เม็ดเงินเข้า

คณะอนุกรรมธิการสิทธิเสรีภาพด้านสื่อสารมวลชนและสื่อสาธารณะ วุฒิสภา เชิญ นายทรงพล เรืองสมุทร อดีตหัวหน้าช่างภาพข่าวและ นายศักดิ์ดา วรรณสุทธิ์ อดีตผู้สื่อข่าวสถานีโทรทัศน์ดิจิทัลแห่งหนึ่ง เข้าให้ถ้อยคำต่อที่ประชุม ถึงกรณีการนำเสนอข่าวติดตามคดีการเสียชีวิตของเด็กหญิงอรวรรณ วงศ์ศรีชา หรือน้องชมพู่

ทั้งนี้ นายศักดิ์ดา ซึ่งเป็นผู้สื่อข่าวที่ลงพื้นที่บ้านกกกอกนานกว่า 1 เดือน ให้ข้อมูลว่าลำบากใจในการปฏิบัติหน้าที่ จึงตัดสินใจลาออก เพราะการเข้าถึงสิทธิส่วนบุคคลระหว่างทำข่าวกับชาวบ้าน พร้อมระบุว่า "บางทีชาวบ้านไม่ได้ปฏิเสธแต่เราก็ลำบากใจ เพราะเรื่องที่ถามไม่ได้เกี่ยวข้องกับคดีน้องชมพู่" ขณะที่ นายทรงพลยอมรับว่าอึดอัดใจ ตนไม่ได้อยากออกมาแฉแต่อยากเปลี่ยนกระบวนการทำงานของสื่อมวลชน ไม่ให้โครงสร้างบิดเบี้ยวและอยากให้เสียงถึงผู้ใหญ่

นายศักดิ์ดา ยังยอมรับว่าลำบากใจในการนำเสนอเรื่องความเชื่อและร่างทรง แต่ไม่สามารถปฏิเสธกองบรรณาธิการได้ ส่วนการนำเสนอข่าวที่สร้างความขัดแย้งของคนในหมู่บ้านจนแตกเป็นสองฝ่ายคิดว่าสื่อมีส่วนสร้างความแตกแยก เนื่องจากเป็นการพูดผ่านสื่อไม่ได้คุยกันโดยตรงจนนำไปสู่ความเข้าใจผิด พร้อมยอมรับว่าถูกกดดันจากทั้งนายจ้างและประชาชนในพื้นที่

ส่วนนายทรงพล ยอมรับว่ามีความพยายามของกองบรรณาธิการที่จะบี้ประเด็นคนทำข่าวที่ลงพื้นที่ ที่จะต้องหาข่าวได้มากกว่าช่องอื่น จึงเป็นการใช้เสรีภาพของสื่อมากเกินความจำเป็น ล่วงเกินเสรีภาพของบุคคลที่เป็นแหล่งข่าว เพราะโครงสร้างสื่อปัจจุบัน ให้ความสำคัญกับปากท้องมากกว่าจริยธรรม สาเหตุที่ตนลาออกเพราะรู้สึกละอาย

นายทรงพลยังเปิดเผยถึงกรณีการสัมภาษณ์พระในข่าว ซึ่งไม่ใช่พระในสำนักสงฆ์ ที่กองบรรณาธิการพยายามให้นักข่าวภาคสนาม ไปขอร้องให้พระแสดงอภินิหาร ไปคุยกับต้นไม้และถามว่าเห็นนิมิตอะไรหรือไม่ ซึ่งตนมองว่าเรื่องเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่จะมาอ้างว่าคนดูชอบ แต่เป็นการแก้ตัวที่ไม่มีความรับผิดชอบ พร้อมเปิดเผยว่าเคยหารือเรื่องนี้ในองค์กรแบบไม่เป็นทางการ แต่อีกฝ่ายกลับไม่เห็นด้วย โดยบอกว่า "ทำแล้วมีคนดู เรตติ้งสูง เม็ดเงินเข้ามา ใครจะอยากเปลี่ยนเรื่อง"

ขณะที่ พลโทพีระพงษ์ มานะกิจ ตัวแทนจาก กสทช. ย้ำว่าเป็นเรื่องของทุนสูงสุดในอุตสาหกรรมสื่อ ที่หากำไรกับเรื่องแบบนี้ ก่อนบอกไปยังผู้ร่วมชี้แจงว่า "น้องออกมาน่ะดีแล้ว"

พร้อมเปิดเผยข้อมูลว่าในปี 2562 ช่องดังกล่าว มีเรื่องร้องเรียนเข้ามา 3 เรื่อง ส่วนปีนี้ยังไม่จบปี มี 6 เรื่องที่ร้องเรียนเข้ามา ซึ่งโทษเป็นการปรับเงิน พร้อมอธิบายว่าการบังคับใช้กฎหมายของ กสทช. เป็นลักษณะขั้นบันได จากการปรับสู่การพักใช้ใบอนุญาตหรือจอดำ ไปจนถึงการเพิกถอนใบอนุญาต ทั้งนี้เมื่อผู้สื่อข่าวถามย้ำว่าช่องดังกล่าวถูกร้องเรียนถึง 9 ครั้งแล้ว จะดำเนินการขั้นที่เหนือกว่าการปรับหรือไม่ ตัวแทน กสทช.ยืนยันว่าหลังจากนี้หากช่องดังกล่าวถูกร้องเรียนในเรื่องเดิมและรุนแรงกว่า จะไม่ใช้การปรับ แต่จะพิจารณาถึงบทลงโทษอื่น เช่น การพักใบอนุญาตหรือจอดำในรายการนั้นๆ 

ทั้งนี้ประธานอนุกรรมาธิการยืนยันว่าจะสรุปประเด็นในเรื่องนี้ โดยจะเชิญตัวแทนกองบรรณาธิการข่าวและผู้อำนวยการฝ่ายข่าวของสถานีโทรทัศน์ช่องดังกล่าวมาสอบข้อเท็จจริงในต้นเดือนตุลาคม

 



เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี ช่อง 3


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
คุณ : me
สถานะ : บุคคลทั่วไป
IP : 203.151.136.238

203.151.136.238,,238.136.151.203.sta.inet.co.th ความคิดเห็นที่ 3 [อ้างอิง]
wellcome


[ วันอาทิตย์ ที่ 26 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา 11:19 น. ]
เช็คเบอร์มือถือ คลิ๊กเลย ++
กระทู้เด็ดน่าแชร์