ผวาโควิดพม่า คาด 2 สัปดาห์ถึงชายแดนไทย
ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. รายงานสถานการณ์ประจำวันว่า พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรายใหม่ 1 ราย เป็นผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ และเข้าพักในสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ โดยเป็นชายไทย อายุ 27 ปี อาชีพพนักงานบริษัท เดินทางจากประเทศอินเดียมาถึงไทยเมื่อวันที่ 1 ก.ย. (เที่ยวบินเดียวกับผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้า 1 ราย) เข้าพัก State Quarantine ใน กทม. และตรวจหาเชื้อครั้งที่ 1 ในวันที่ 5 ก.ย. ผลตรวจพบเชื้อ ไม่มีอาการ ส่งผลให้มีผู้ป่วยยืนยันสะสมล่าสุดอยู่ที่ 3,445 ราย ขณที่มีผู้ป่วยรักษาหายแล้วอยู่ที่ 3,281 ราย และยังมีผู้ป่วยรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 106 ราย ขณะที่ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตสะสมยังคงเดิมที่ 58 ราย
นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า จากกรณีที่พบผู้ติดเชื้อในประเทศไทยรายล่าสุดเป็นผู้ต้องขังแรกรับ ขอให้ทุกคนอย่าตระหนก แต่เพิ่มความตระหนักถึงการป้องกันโรค ยังสามารถท่องเที่ยว หรือสังสรรค์ได้ แต่ต้องอยู่บนพื้นฐานของความไม่ประมาท ทั้งในส่วนผู้ประกอบการที่ต้องดูแลไม่ให้เกิดความเสี่ยงแพร่เชื้อ ต้องมีการคัดกรองอุณหภูมิผู้เข้าใช้บริการและพนักงานทุกคนอย่างเคร่งครัด จัดพื้นที่เว้นระยะห่าง จัดจุดลงทะเบียน "ไทยชนะ" ส่วนนักเที่ยว/ผู้ใช้บริการ อย่าละเลยการสวมหน้ากากอนามัย, แยกจาน แก้ว ช้อน ไม่ดื่มกินร่วมภาชนะเดียวกัน ที่สำคัญคือต้องลงทะเบียนเข้า-ออกสถานที่ผ่านแอปพลิเคชันไทยชนะทุกครั้ง เพราะเมื่อพบผู้ติดเชื้อจะง่ายต่อการติดตามผู้สัมผัสมาตรวจและเฝ้าระวังโรค
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่มีการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ในประเทศ พบผู้ติดเชื้อในประเทศเพียง 1 ราย ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เร่งติดตามผู้สัมผัส เร่งรัดการสอบสวนโรค เพื่อจำกัดวงการแพร่ระบาด ซึ่ง สธ.ได้ย้ำอยู่เสมอว่า การไม่มีรายงานผู้ติดเชื้อไม่ใช่ว่าจะไม่มีผู้ติดเชื้อปะปนอยู่ในสังคม อาจเป็นผู้ที่ไม่แสดงอาการก็เป็นได้ สิ่งสำคัญที่ต้องขอความร่วมมือจากประชาชนทุกคนคือ ป้องกันตัวเองให้เป็นนิสัย
สำหรับกรมควบคุมโรค ได้รายงานความคืบหน้าในการลงพื้นที่สอบสวนโรคเพื่อค้นหาและติดตามตัวผู้สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ต้องขังชายที่ติดโควิด-19 เพื่อเก็บตัวอย่างส่งตรวจหาเชื้อก่อโรคโควิด-19 ด้วยวิธี RT-PCR โดยสรุปผลการค้นหาผู้สัมผัสรวม 990 คน เป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 118 คน ผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ 856 คน อยู่ระหว่างการตรวจสอบอีก 16 คน ซึ่งเป็นผู้ที่ลงทะเบียนทางแอปพลิเคชัน BKK COVID ของ กทม. และส่งตรวจ 520 คน ทั้งหมดให้ผลเป็นลบ ไม่พบสารพันธุกรรมของเชื้อโควิด-19
นพ.โสภณกล่าวว่า ขณะนี้สถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ในประเทศเมียนมาค่อนข้างน่าเป็นห่วงมาก พบว่ามีรายงานผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มวันละร้อยกว่าราย และเริ่มพบในหลายๆ เมือง จากพื้นที่ทางตะวันตกของประเทศ คือรัฐยะไข่ ตอนนี้เริ่มเข้ามาทางตอนกลางของประเทศเมียนมาแล้ว แน่นอนว่าทำให้ประเทศไทยมีความเสี่ยงเพิ่มมากขึ้น และแม้ว่าตอนนี้พื้นที่การระบาดจะอยู่ห่างไกลจากชายแดนไทย แต่มีการคาดการณ์ว่าประมาณ 2 สัปดาห์ การระบาดจะขยายพื้นที่มาถึงพื้นที่แถบชายแดนไทย
ผอ.กองโรคติดต่อทั่วไป กล่าวว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย ทั้งทหาร ฝ่ายปกครอง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน รวมทั้งบุคลากรการแพทย์ ต่างเฝ้าระวังอย่างเข้มข้นตามแนวชายแดน หากตรวจจับได้ต้องมีการตรวจสอบและกักกัน ดังนั้นขอความร่วมมือจากประชาชนช่วยกันเป็นหูเป็นตา อย่าปล่อยให้มีการลักลอบเข้ามาในประเทศไทยได้ โดยเฉพาะพรมแดนธรรมชาติ
ส่วนกรณีเกาหลีใต้รายงานว่า พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 หลังเดินทางกลับจากประเทศไทยนั้น ตอนนี้ได้ประสานขอข้อมูลไปยังกระทรวงสาธารณสุขของเกาหลีใต้แล้ว แต่ยังไม่ได้รับข้อมูลกลับมา ทราบเพียงรายงานจากสื่อทางเกาหลีใต้เท่านั้นว่าเป็นชายอายุ 50 ปี
นพ.ภาณุมาศ ญาณเวทย์สกุล ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 2 กล่าวว่า จากกรณีที่พบแรงงานต่างชาติลักลอบเข้าประเทศอย่างผิดกฎหมายผ่านบริเวณพรมแดนธรรมชาติในเขตพื้นที่จังหวัดตาก ซึ่งกลุ่มนี้ถือว่ามีความเสี่ยงสูงที่อาจนำเชื้อโควิด-19 ที่กำลังระบาดในประเทศเพื่อนบ้านเล็ดลอดเข้าสู่ประเทศไทยได้ ซึ่งขณะนี้คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดตาก ยังไม่มีมติอนุมัติให้แรงงานต่างชาติสามารถเข้าประเทศผ่านชายแดนได้ นอกจากกระทรวงสาธารณสุขได้เพิ่มความเข้มงวดในการเฝ้าระวังที่ด่านชายแดนปกติแล้ว ยังได้ทำงานร่วมกับหน่วยงานด้านความมั่นคงและปกครอง โดยให้อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) และอาสาสมัครสาธารณสุขประชากรต่างด้าว (อสต.) ร่วมตรวจสอบพื้นที่ หากพบความผิดปกติ หรือคนแปลกหน้าในชุมชน จะประสานกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง หรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุขทันที
นายแพทย์ภาณุมาศ กล่าวต่อว่า ได้สั่งการให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดตากเร่งสำรวจอุปกรณ์ในการป้องกันโรคจากทุกโรงพยาบาลในสังกัด ได้แก่ ชุดกาวน์, ชุด Cover all, หน้ากาก N95, Shoe Cover, Surgical hood, Long glove, Face shield, Surgical mask พบว่าอุปกรณ์ป้องกันดังกล่าวมีเพียงพอใช้ประมาณ 1-3 เดือน เพื่อเตรียมไว้ใช้หากพบผู้ติดเชื้อ และได้ขอการสนับสนุนอุปกรณ์ป้องกันจากส่วนกลางสำรองไว้เพิ่มเติมหากเกิดการระบาดในพื้นที่
พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกรองนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) เปิดเผยถึง สถานการณ์ COVID-19 ที่ยังคงแพร่ระบาดอยู่ในหลายประเทศ รวมทั้งประเทศรอบบ้านโดยเฉพาะประเทศเมียนมา ซึ่งสถานการณ์ยังน่าเป็นห่วงและมีความกังวลและเสี่ยงสูงที่อาจเกิดการแพร่ระบาดเข้ามาในพื้นที่ชายแดน และเกิดการระบาดในไทยระลอก 2 ขึ้น หากประมาทและละเลยต่อมาตรการควบคุมที่กำหนด พล.อ.ประวิตรจึงได้ย้ำสั่งการกับฝ่ายปกครอง กระทรวงแรงงาน ตำรวจและทหาร ประสานการทำงานร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขอย่างใกล้ชิดในทุกจังหวัดที่มีพื้นที่ติดชายแดนประเทศเมียนมา โดยขอให้ตื่นตัวคุมเข้มเฝ้าระวังและคงมาตรการทางสาธารณสุขที่กำหนดอย่างเข้มข้น ทั้งกับการผ่านเข้าเมืองของคนไทยตามช่องทางผ่านแดนและการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย โดยขอให้ใช้บทเรียนจากการฝึกร่วมกันที่ผ่านมาเตรียมความพร้อมของกลไกศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินของจังหวัด และพัฒนาแผนเผชิญเหตุให้มีความสมบูรณ์รองรับหากเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดในระดับพื้นที่ขึ้น โดยเฉพาะพื้นที่ระดับอำเภอและหมู่บ้านชายแดนของแต่ละจังหวัด
พร้อมกันนี้ พล.อ.ประวิตรยังได้ย้ำว่า ขอให้กองกำลังป้องกันชายแดนของทหารเพิ่มความเข้มข้นในมาตรการป้องกัน และความถี่ในการลาดตระเวนเฝ้าตรวจชายแดนทั้งทางบก ทางน้ำ และทางอากาศอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะช่องทางผ่านแดนทางธรรมชาติตามแนวชายแดน ทั้งนี้หากพบการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ให้ดำเนินตามมาตรการทางกฎหมายและการควบคุมโรคที่กำหนดอย่างจริงจัง โดยคำนึงถึงหลักมนุษยธรรม.
นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า จากกรณีที่พบผู้ติดเชื้อในประเทศไทยรายล่าสุดเป็นผู้ต้องขังแรกรับ ขอให้ทุกคนอย่าตระหนก แต่เพิ่มความตระหนักถึงการป้องกันโรค ยังสามารถท่องเที่ยว หรือสังสรรค์ได้ แต่ต้องอยู่บนพื้นฐานของความไม่ประมาท ทั้งในส่วนผู้ประกอบการที่ต้องดูแลไม่ให้เกิดความเสี่ยงแพร่เชื้อ ต้องมีการคัดกรองอุณหภูมิผู้เข้าใช้บริการและพนักงานทุกคนอย่างเคร่งครัด จัดพื้นที่เว้นระยะห่าง จัดจุดลงทะเบียน "ไทยชนะ" ส่วนนักเที่ยว/ผู้ใช้บริการ อย่าละเลยการสวมหน้ากากอนามัย, แยกจาน แก้ว ช้อน ไม่ดื่มกินร่วมภาชนะเดียวกัน ที่สำคัญคือต้องลงทะเบียนเข้า-ออกสถานที่ผ่านแอปพลิเคชันไทยชนะทุกครั้ง เพราะเมื่อพบผู้ติดเชื้อจะง่ายต่อการติดตามผู้สัมผัสมาตรวจและเฝ้าระวังโรค
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่มีการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ในประเทศ พบผู้ติดเชื้อในประเทศเพียง 1 ราย ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เร่งติดตามผู้สัมผัส เร่งรัดการสอบสวนโรค เพื่อจำกัดวงการแพร่ระบาด ซึ่ง สธ.ได้ย้ำอยู่เสมอว่า การไม่มีรายงานผู้ติดเชื้อไม่ใช่ว่าจะไม่มีผู้ติดเชื้อปะปนอยู่ในสังคม อาจเป็นผู้ที่ไม่แสดงอาการก็เป็นได้ สิ่งสำคัญที่ต้องขอความร่วมมือจากประชาชนทุกคนคือ ป้องกันตัวเองให้เป็นนิสัย
สำหรับกรมควบคุมโรค ได้รายงานความคืบหน้าในการลงพื้นที่สอบสวนโรคเพื่อค้นหาและติดตามตัวผู้สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ต้องขังชายที่ติดโควิด-19 เพื่อเก็บตัวอย่างส่งตรวจหาเชื้อก่อโรคโควิด-19 ด้วยวิธี RT-PCR โดยสรุปผลการค้นหาผู้สัมผัสรวม 990 คน เป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 118 คน ผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ 856 คน อยู่ระหว่างการตรวจสอบอีก 16 คน ซึ่งเป็นผู้ที่ลงทะเบียนทางแอปพลิเคชัน BKK COVID ของ กทม. และส่งตรวจ 520 คน ทั้งหมดให้ผลเป็นลบ ไม่พบสารพันธุกรรมของเชื้อโควิด-19
นพ.โสภณกล่าวว่า ขณะนี้สถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ในประเทศเมียนมาค่อนข้างน่าเป็นห่วงมาก พบว่ามีรายงานผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มวันละร้อยกว่าราย และเริ่มพบในหลายๆ เมือง จากพื้นที่ทางตะวันตกของประเทศ คือรัฐยะไข่ ตอนนี้เริ่มเข้ามาทางตอนกลางของประเทศเมียนมาแล้ว แน่นอนว่าทำให้ประเทศไทยมีความเสี่ยงเพิ่มมากขึ้น และแม้ว่าตอนนี้พื้นที่การระบาดจะอยู่ห่างไกลจากชายแดนไทย แต่มีการคาดการณ์ว่าประมาณ 2 สัปดาห์ การระบาดจะขยายพื้นที่มาถึงพื้นที่แถบชายแดนไทย
ผอ.กองโรคติดต่อทั่วไป กล่าวว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย ทั้งทหาร ฝ่ายปกครอง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน รวมทั้งบุคลากรการแพทย์ ต่างเฝ้าระวังอย่างเข้มข้นตามแนวชายแดน หากตรวจจับได้ต้องมีการตรวจสอบและกักกัน ดังนั้นขอความร่วมมือจากประชาชนช่วยกันเป็นหูเป็นตา อย่าปล่อยให้มีการลักลอบเข้ามาในประเทศไทยได้ โดยเฉพาะพรมแดนธรรมชาติ
ส่วนกรณีเกาหลีใต้รายงานว่า พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 หลังเดินทางกลับจากประเทศไทยนั้น ตอนนี้ได้ประสานขอข้อมูลไปยังกระทรวงสาธารณสุขของเกาหลีใต้แล้ว แต่ยังไม่ได้รับข้อมูลกลับมา ทราบเพียงรายงานจากสื่อทางเกาหลีใต้เท่านั้นว่าเป็นชายอายุ 50 ปี
นพ.ภาณุมาศ ญาณเวทย์สกุล ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 2 กล่าวว่า จากกรณีที่พบแรงงานต่างชาติลักลอบเข้าประเทศอย่างผิดกฎหมายผ่านบริเวณพรมแดนธรรมชาติในเขตพื้นที่จังหวัดตาก ซึ่งกลุ่มนี้ถือว่ามีความเสี่ยงสูงที่อาจนำเชื้อโควิด-19 ที่กำลังระบาดในประเทศเพื่อนบ้านเล็ดลอดเข้าสู่ประเทศไทยได้ ซึ่งขณะนี้คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดตาก ยังไม่มีมติอนุมัติให้แรงงานต่างชาติสามารถเข้าประเทศผ่านชายแดนได้ นอกจากกระทรวงสาธารณสุขได้เพิ่มความเข้มงวดในการเฝ้าระวังที่ด่านชายแดนปกติแล้ว ยังได้ทำงานร่วมกับหน่วยงานด้านความมั่นคงและปกครอง โดยให้อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) และอาสาสมัครสาธารณสุขประชากรต่างด้าว (อสต.) ร่วมตรวจสอบพื้นที่ หากพบความผิดปกติ หรือคนแปลกหน้าในชุมชน จะประสานกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง หรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุขทันที
นายแพทย์ภาณุมาศ กล่าวต่อว่า ได้สั่งการให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดตากเร่งสำรวจอุปกรณ์ในการป้องกันโรคจากทุกโรงพยาบาลในสังกัด ได้แก่ ชุดกาวน์, ชุด Cover all, หน้ากาก N95, Shoe Cover, Surgical hood, Long glove, Face shield, Surgical mask พบว่าอุปกรณ์ป้องกันดังกล่าวมีเพียงพอใช้ประมาณ 1-3 เดือน เพื่อเตรียมไว้ใช้หากพบผู้ติดเชื้อ และได้ขอการสนับสนุนอุปกรณ์ป้องกันจากส่วนกลางสำรองไว้เพิ่มเติมหากเกิดการระบาดในพื้นที่
พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกรองนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) เปิดเผยถึง สถานการณ์ COVID-19 ที่ยังคงแพร่ระบาดอยู่ในหลายประเทศ รวมทั้งประเทศรอบบ้านโดยเฉพาะประเทศเมียนมา ซึ่งสถานการณ์ยังน่าเป็นห่วงและมีความกังวลและเสี่ยงสูงที่อาจเกิดการแพร่ระบาดเข้ามาในพื้นที่ชายแดน และเกิดการระบาดในไทยระลอก 2 ขึ้น หากประมาทและละเลยต่อมาตรการควบคุมที่กำหนด พล.อ.ประวิตรจึงได้ย้ำสั่งการกับฝ่ายปกครอง กระทรวงแรงงาน ตำรวจและทหาร ประสานการทำงานร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขอย่างใกล้ชิดในทุกจังหวัดที่มีพื้นที่ติดชายแดนประเทศเมียนมา โดยขอให้ตื่นตัวคุมเข้มเฝ้าระวังและคงมาตรการทางสาธารณสุขที่กำหนดอย่างเข้มข้น ทั้งกับการผ่านเข้าเมืองของคนไทยตามช่องทางผ่านแดนและการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย โดยขอให้ใช้บทเรียนจากการฝึกร่วมกันที่ผ่านมาเตรียมความพร้อมของกลไกศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินของจังหวัด และพัฒนาแผนเผชิญเหตุให้มีความสมบูรณ์รองรับหากเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดในระดับพื้นที่ขึ้น โดยเฉพาะพื้นที่ระดับอำเภอและหมู่บ้านชายแดนของแต่ละจังหวัด
พร้อมกันนี้ พล.อ.ประวิตรยังได้ย้ำว่า ขอให้กองกำลังป้องกันชายแดนของทหารเพิ่มความเข้มข้นในมาตรการป้องกัน และความถี่ในการลาดตระเวนเฝ้าตรวจชายแดนทั้งทางบก ทางน้ำ และทางอากาศอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะช่องทางผ่านแดนทางธรรมชาติตามแนวชายแดน ทั้งนี้หากพบการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ให้ดำเนินตามมาตรการทางกฎหมายและการควบคุมโรคที่กำหนดอย่างจริงจัง โดยคำนึงถึงหลักมนุษยธรรม.
" ประกาศ "
ร่วมแสดงความคิดเห็น