เรือนจำยังไม่งดเยี่ยมญาติ เพิ่มคัดกรองโควิดเข้มข้นขึ้น
เมื่อถามว่า การตรวจพบเชื้อในครั้งนี้เกิดจากการหละหลวมในการควบคุมเชื้อหรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า เราไม่ได้หละหลวม การตรวจพบเชื้อครั้งนี้ไม่ได้เป็นการตรวจพบเชื้อของนักโทษในเรือนจำแต่เป็นการตรวจพบเชื้อในนักโทษใหม่ที่เพิ่งเข้ามา โดยปกติเรือนจำมีมาตรการกักตัวผู้ต้องขังใหม่ในแดนแรกรับก่อน 14 วันเพื่อหาเชื้อ หากพบมีผู้ติดเชื้อเราจะทำการแยกตัวทันที ซึ่งกรณีนี้ผู้ติดเชื้อเป็นดีเจที่ทำงานในร้านอาหารหลายแห่ง ทางกระทรวงสาธารณสุขจะต้องสืบหาที่มาของเชื้อต่อไป ทั้งนี้กรมราชทัณฑ์ยังมีมาตรการเข้มงวดในการควบคุมโควิดในเรือนจำ โดยเฉพาะแดนแรกรับที่จะต้องมีการคัดกรองอย่างเข้มงวด
"ที่ผ่านมาในเรือนจำไม่เคยมีเชื้อโควิดเพราะผมใส่ใจอยู่เสมอ ผมคิดว่าหากเชื้อโควิดแพร่ระบาดเข้าสู่เรือนจำจะควบคุมได้ยากและเกิดความเสียหายเป็นอย่างมาก ผมจึงมอบนโยบายให้สร้างห้องกักโรคตั้งแต่เดือน เม.ย. ซึ่งมีทุกเรือนจำ ในกรณีนี้ก็ยังไม่ได้เข้าสู่แดนผู้ต้องขังจึงยังไม่มีการแพร่ระบาดสู่ผู้ต้องขังในเรือนจำแต่อย่างใด ที่ผ่านมาเราไม่ได้หย่อนยานในการตรวจโรคแม้แต่ผู้ต้องขังที่ออกไปขึ้นศาล เมื่อกลับเข้ามาก็ต้องมีการเข้าห้องกักโรคด้วยเช่นกัน" นายสมศักดิ์ กล่าว
เมื่อถามว่า จะต้องมีมาตรการควบคุมอย่างเข้มงวดอย่างไรต่อจากนี้หรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า คงต้องมีมาตรการที่เข้มงวดกว่าเดิม เพราะก่อนหน้านี้สถานการณ์ในประเทศไทยปลอดผู้ติดเชื้อมากว่า 100 วัน เราก็ได้มีการผ่อนคลายไปบ้าง แต่เมื่อพบเหตุการณ์เช่นนี้เราคงต้องเพิ่มความเข้มงวดให้มากขึ้นจากเดิม 60-70% เป็น 80-90% ส่วนการเข้าเยี่ยมญาตินั้น ก็คงต้องมีการคัดกรองที่เข้มงวดกว่าเดิมด้วยเช่นกัน แต่ไม่ได้มีการห้ามเยี่ยม เพื่อป้องกันญาติที่เข้าเยี่ยมนำเชื้อมาแพร่สู่ผู้ต้องขังด้วย.