พสกนิกรปีติ พระอันตะปกติแล้ว

นับตั้งแต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ เข้ารับการรักษาพระอาการพระวรกายด้านขวาอ่อนแรง ที่ รพ.ศิริราช มาตั้งแต่วันที่ 13 ต.ค.ที่ผ่านมา โดยคณะแพทย์ได้ถวายการรักษาจนพระอาการดีขึ้นอย่างมาก สร้างความปลื้มปีติให้กับพสกนิกรทั่วหล้า

ต่อมาเมื่อวันที่ 28 ต.ค. สำนักพระราชวัง ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 16 ความว่า

วันนี้คณะแพทย์ผู้ถวายการรักษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รายงานว่า พระอาการอักเสบของพระอันตะ (ลำไส้ใหญ่) ได้กลับคืนสู่ สภาพปกติแล้ว จึงสามารถหยุดถวายการรักษาด้วยพระโอสถปฏิชีวนะได้ตั้งแต่วันนี้ และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระกำลังพระวรกายเพิ่มขึ้นอีก จึงขอประกาศให้ ทราบโดยทั่วกัน  

สำหรับการลงนามถวายพระพร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยา ณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ซึ่งสำนักพระราชวัง เปิดให้ประชาชนร่วมแสดงความจงรักภักดี

ด้วยการถวายพระพรขอให้ทั้งสองพระองค์หายจากพระอาการประชวรนั้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศเมื่อช่วงเช้าวันที่ 28 ต.ค. ที่ศาลาศิริราช 100 ปี รพ.ศิริราช คึกคักขึ้นทันทีที่เจ้าหน้าที่เปิดให้ลงนามถวายพระพร โดยเหล่าพสกนิกรเดินทางมาลงนามอย่างไม่ขาดสาย ทั้งบุคคลสำคัญและมาเป็นหมู่คณะ อาทิ นายอรรถนิติ ดิษฐอำนาจ องคมนตรี และภริยา นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานสนช. คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีหลายกระทรวง นพ.สุชัย เจริญรัตนกุล อดีต รมว.สาธารณสุข นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ นายกรณ์ จาติกวณิช ม.ล.อภิมงคล โสณกุล วงอังกะลุง ชมเพลิน นำคณะนักเรียนกว่า 100 คน มาร่วมร้องเพลงถวายพระพร ฯลฯ
 

ต่อมาเวลา 10.50 น. นางจันทนา บุณยเกียรติ กลุ่มผู้ค้าดอกบัวปากคลองตลาด นำพานพุ่มดอกบัวจำนวน 34 พาน มาสักการะพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี

ภายในศาลาศิริราช 100 ปี จำนวน 14 พาน และอีก 20 พาน นำไปสักการะพระราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระมหิตลาธิเบศรอดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก นอกจากนี้ ยังได้นำภาพพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จำนวน 1 ภาพ ขนาดกว้าง 40 นิ้ว ยาว 60 นิ้ว ซึ่งเป็นภาพเดียวกับที่เคยถวายก่อนหน้านี้แล้ว เป็นภาพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงประทับรถเข็นพระที่นั่งเสด็จพระราชดำเนินมาที่พระราชานุสาวรีย์สมเด็จย่า ทรงนำพวงมาลัยมาถวายบังคมสมเด็จ พระราชชนนีฯ จากนั้นนางจันทนากล่าวว่า ที่นำภาพนี้มาทูลเกล้าฯถวายอีกครั้งนั้น เพราะมีความเชื่อว่าไม่มีพรอันใดสูงสุดเท่ากับพรของพ่อแม่ที่จะปกป้องลูกให้พ้นจากอันตรายได้ ดังนั้น กลุ่มของตนจึงนำพานดอกบัวมา กราบสักการะสมเด็จย่าและพระบรมราชชนกเพื่อขอพรให้ทรงดลบันดาลให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนาฯ ให้ทรงหายจากพระอาการประชวรโดยเร็ว 

ขณะที่นายหงษ์จร เสน่ห์งามเจริญ ศิลปินอิสระ กล่าวว่า

นำเด็กๆที่ชื่นชอบในงานศิลปะมาวาดรูปพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแล้ว ยัง ได้นำภาพที่ชื่อว่า “ศูนย์รวมใจไทยทั้งชาติ” ขนาดกว้าง 2 เมตร ยาว 2.70 เมตร ซึ่งวาดไว้เมื่อปี 2538 ขณะที่เกิดพายุเกย์ ที่ จ.ชุมพร โดยนายสัมพันธ์ ศาลารักษ์ เป็นภาพที่บรรยายความรู้สึกของประชาชนเมื่อได้รับความเดือดร้อน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะทรงเป็นศูนย์ รวมจิตใจของชาวไทยทั้งชาติไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์ใดๆ ก็ตาม โดยภาพที่นำมาทูลเกล้าฯถวายนั้น เป็นภาพพิมพ์ ขนาดกว้าง 1 เมตร ยาว 1.50 เมตร และโปสเตอร์ภาพดังกล่าวจำนวน 1 พันแผ่น มาแจกจ่ายให้กับประชาชนอีกด้วย
 

ด้านคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ อดีต รมว. เกษตรฯ กล่าวว่า

รู้ดีใจที่พระอาการของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ดีขึ้นเป็นที่ปลื้มปีติของพสกนิกรชาวไทย ทั้งนี้ ตั้งแต่พระองค์ทรงรับการถวายรักษา ตนได้สวดมนต์ ทุกวันขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อถวายพระพร ทรงหายจากพระอาการประชวร สำหรับพระอาการประชวรของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนาฯ เมื่อทราบถึงพระอาการที่ทรงรู้สึกตัวและขยับพระองค์ได้ก็รู้สึกสบายใจและอยากเชิญชวนให้ประชาชนนั่งสมาธิและสวดมนต์ทำบุญเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่ทั้งสอง พระองค์ขอให้พระองค์ทรงหายประชวรมีสุขภาพที่แข็งแรง

จากนั้นบรรยากาศการลงนามถวายพระพร ตั้งแต่ ช่วงบ่ายเป็นต้นมา ที่บริเวณศาลาศิริราช 100 ปี และที่พระราชานุสาวรีย์พระบรมราชชนก ก็เนืองแน่นไปด้วยคลื่นมหาชนที่พร้อมใจสวมเสื้อเหลือง

อุ้มลูกจูงหลานมาต่อแถวลงนามถวายพระพรขอให้ทั้งสองพระองค์ทรงหายจากพระอาการประชวร โดย พ.ต.ต.สุรจิตร สุยาวา สวส.สน.บางกอกน้อย ซึ่งพาญาติพี่น้องรวม 9 คน มาร่วมลงนามถวายพระพร กล่าวว่า มาถวายพระพรเป็นครั้งที่ 2 ในสัปดาห์นี้มีญาติพี่น้องและเพื่อน จาก จ.พระนครศรีอยุธยาและ จ.เชียงราย ทราบข่าวพระอาการประชวรจึงมาพักที่ กทม. และพร้อมใจมาลงนามด้วยกันทั้งหมด ส่วนตัวมองว่าในวันหยุดแทนที่จะพาครอบครัวไปเที่ยว แต่ถ้าพามาลงนามถวายพระพรแล้วทำให้รู้สึกอิ่มเอมใจกันทั้งบ้าน การไปเที่ยวพักผ่อนในวันอาทิตย์จึงถือเป็นเรื่องรองในช่วงนี้ และอยากถวายพระพรให้ทรงหายประชวรโดยเร็วทั้งสองพระองค์
  

ในเวลาต่อมา จุดลงนามถวายพระพรก็มีสีสันขึ้น

เมื่อ น.ส.อังคณา ตรีรัตน์ทิพย์ นางสาวไทยประจำปี 50 พร้อม น.ส.ภัทรา เทพหัสดิน ณ อยุธยา รองนางสาวไทย เดินทางมาลงนามถวายพระพร ซึ่ง น.ส.อังคณายังกล่าวว่า ในฐานะที่เป็นคนไทยและเป็นนางสาวไทย อยากชวนคนไทยร่วมกันทำความดี เพราะพระองค์ท่านคงอยากให้ พวกเราคนไทยทำความดีกันมากๆ
 

อีกด้านหนึ่งที่อาคารเฉลิมพระเกียรติ ก็ยังคงมีประชาชนนับร้อยนำบุตรหลานมาเฝ้ารอรับเสด็จ พระบรม วงศานุวงศ์ กันตั้งแต่เช้า

กระทั่งเวลา 15.00 น. สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงพระกรุณา โปรดเกล้าฯ ให้ พล.อ.ท.ภักดี แสงชูโต ผู้แทนพระองค์ ในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ นำกล้วยฉาบจำนวน 4 พันห่อ มาพระราชทานให้กับประชาชนที่มาเฝ้ารับเสด็จ ทั้งที่อาคารเฉลิมพระเกียรติ และลานพระราชานุสาวรีย์ พระบรมราชชนก สร้างความปลาบปลื้มให้กับประชาชนเป็นอย่างยิ่ง
 

จากนั้นพระบรมวงศานุวงศ์ ได้ทยอยเสด็จ  มาเข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ตามลำดับดังนี้

ในเวลา 15.45 น. พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ เสด็จมายังอาคารเฉลิมพระเกียรติ พร้อมทูลเกล้าฯ ถวายแจกันดอกไม้แด่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยา ณิวัฒนาฯ โดยระหว่างเสด็จนั้น ก็ได้ทรงโบกพระหัตถ์และแย้มพระโอษฐ์ให้กับประชาชนที่มารอเฝ้ารับเสด็จ โดยเหล่าประชาชนต่างเปล่งเสียงทรงพระเจริญ และเสด็จกลับในเวลา 16.25 น. โดยทรงมีพระปฏิสันถารกับคนที่มารอเฝ้าติดตามพระอาการอยู่บริเวณชั้นล่างอาคารเป็นเวลาประมาณ 5 นาที ทั้งนี้ น.ส.อัจฉราพรณ์ พูลสวัสดิ์ อายุ 66 ปี ข้าราชการบำนาญ กล่าวด้วยใบหน้าปลาบปลื้มว่า พระองค์ท่านทรงสอบถามถึงความเป็นอยู่ในการที่เดินทางมาเฝ้าติดตามข่าวพระอาการทุกวัน และทรงขอบใจทุกคนที่แสดงความเป็นห่วง ตอนนี้พระอาการของพ่อหลวงดีขึ้นมากแล้ว ขอให้ทุกคนสบายใจ
 

เวลา 17.00 น. ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี เสด็จมายังอาคารเฉลิมพระเกียรติ ทรงโบกพระหัตถ์และแย้มพระโอษฐ์ให้กับประชาชน ก่อนเสด็จขึ้นบนอาคาร และตามด้วยสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี เสด็จฯ มาถึงในเวลา 17.28 น.
 

จนถึงเวลา 20.00 น.เศษ หลังจากที่สำนักพระราชวังปิดการลงนามถวายพระพรเรียบร้อยแล้ว พบว่าเฉพาะวันที่ 28 ต.ค. มีผู้มาลงนามถวายพระพรทั้งสิ้น 50,933 ราย และเมื่อรวมทั้งหมด 15 วัน ที่เปิดให้ลงนาม มีผู้ลงมาลงนามถวายพระพรแล้ว 740,515 ราย