สภาหนุน!โทษคดีข่มขืน ฉีดยาให้น้องชายไม่แข็ง
วันที่ 2 ก.ย. นายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาผู้แทนฯ เป็นประธานการประชุมพิจารณารายงาน กมธ.วิสามัญศึกษาแนวทางป้องกัน และแก้ปัญหาการข่มขืนกระทำชำเราและการล่วงละเมิดทางเพศ ตามที่ กมธ.วิสามัญฯ ที่มีนายโกวิทย์ พวงงาม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังท้องถิ่นไทย เป็นประธาน พิจารณาเสร็จแล้ว
โดยสาระสำคัญคือการกำหนดแนวทางป้องกัน และแก้ปัญหาให้เป็นวาระแห่งชาติ โดยตั้งคณะกรรมการป้องกันและแก้ปัญหาการข่มขืนกระทำชำเราและการล่วงละเมิดทางเพศระดับชาติ มีกระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมเป็นกรรมการ ให้เกิดหน่วยงานหลักในการแก้ปัญหาการข่มขืนกระทำชำเรา และล่วงละเมิดทางเพศอย่างเป็นรูปธรรม
ขณะเดียวกัน มีการเสนอให้จัดเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอของผู้ต้องขังในคดีความผิดเกี่ยวกับเพศทุกคน เพื่อเป็นฐานข้อมูลในการติดตามหลังได้รับการปล่อยตัว ป้องกันการกระทำความผิดซ้ำ ให้สำนักงานนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม เป็นหน่วยงานผู้จัดเก็บ
นายโกวิทย์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ยังเสนอแนวทางการฉีดยาปรับฮอร์โมนทางเพศผู้กระทำผิดคดีข่มขืน ให้ไปยับยั้งการสร้างฮอร์โมนเพศชาย เพื่อให้ความต้องการทางเพศลงชั่วคราว สร้างอสุจิไม่ได้ ทำให้อวัยวะเพศไม่แข็งตัว แต่หากหยุดการใช้ฮอร์โมน สภาวะทางเพศจะกลับคืนมาเหมือนเดิม ไม่ใช่การทำให้อวัยวะเพศใช้การไม่ได้ตลอดไป ถือเป็นแนวทางป้องกันการกระทำผิดทางเพศได้ดี
ด้านนาย คารม พลพรกลาง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวว่า
ความหมายการฉีดฮอร์โมนลดความต้องการทางเพศ หมายถึงการทำให้ฝ่อใช่หรือไม่ เกรงจะเป็นการละเมิดสิทธิขัดรัฐธรรมนูญ รวมถึงเรื่องการจัดเก็บดีเอ็นเอผู้ต้องขังคดีความผิดทางเพศทุกคน เพื่อติดตามไม่ให้ไปกระทำผิดซ้ำนั้น มีอำนาจทำได้จริงหรือไม่ เอาอำนาจอะไรมาใช้ เพราะสุ่มเสี่ยงต่อการละเมิดสิทธิ
ขณะที่ น.ส.พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า
ไม่ใช่การฉีดให้ฝ่อ แต่เป็นการฉีดฮอร์โมนยับยั้งไม่ให้เกิดความรู้สึกทางเพศระยะหนึ่ง เมื่อยาหมดฤทธิ์ก็กลับมาใช้การตามปกติ การใช้วิธีนี้ต้องได้รับความยินยอมจากผู้กระทำความผิดก่อน เหมือนที่เกาหลีใต้ใช้กับผู้ที่กระทำความผิดทางเพศซ้ำ เนื่องจากเรื่องนี้ยังเป็นเรื่องใหม่ในไทย และละเอียดอ่อน
หลังจากที่สมาชิกอภิปรายกันครบถ้วนทุกคนแล้ว ที่ประชุมจึงเห็นด้วยกับรายงานของ กมธ.วิสามัญศึกษาแนวทางป้องกันและแก้ปัญหาการข่มขืนกระทำชำเรา และการล่วงละเมิดทางเพศ โดยไม่มีการลงมติ เนื่องจากทุกคนเห็นด้วยกับข้อเสนอในรายงานฉบับนี้ หลังจากนี้จะส่งรายงานให้รัฐบาลเพื่อพิจารณาดำเนินการต่อไป
โดยสาระสำคัญคือการกำหนดแนวทางป้องกัน และแก้ปัญหาให้เป็นวาระแห่งชาติ โดยตั้งคณะกรรมการป้องกันและแก้ปัญหาการข่มขืนกระทำชำเราและการล่วงละเมิดทางเพศระดับชาติ มีกระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมเป็นกรรมการ ให้เกิดหน่วยงานหลักในการแก้ปัญหาการข่มขืนกระทำชำเรา และล่วงละเมิดทางเพศอย่างเป็นรูปธรรม
ขณะเดียวกัน มีการเสนอให้จัดเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอของผู้ต้องขังในคดีความผิดเกี่ยวกับเพศทุกคน เพื่อเป็นฐานข้อมูลในการติดตามหลังได้รับการปล่อยตัว ป้องกันการกระทำความผิดซ้ำ ให้สำนักงานนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม เป็นหน่วยงานผู้จัดเก็บ
นายโกวิทย์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ยังเสนอแนวทางการฉีดยาปรับฮอร์โมนทางเพศผู้กระทำผิดคดีข่มขืน ให้ไปยับยั้งการสร้างฮอร์โมนเพศชาย เพื่อให้ความต้องการทางเพศลงชั่วคราว สร้างอสุจิไม่ได้ ทำให้อวัยวะเพศไม่แข็งตัว แต่หากหยุดการใช้ฮอร์โมน สภาวะทางเพศจะกลับคืนมาเหมือนเดิม ไม่ใช่การทำให้อวัยวะเพศใช้การไม่ได้ตลอดไป ถือเป็นแนวทางป้องกันการกระทำผิดทางเพศได้ดี
ด้านนาย คารม พลพรกลาง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวว่า
ความหมายการฉีดฮอร์โมนลดความต้องการทางเพศ หมายถึงการทำให้ฝ่อใช่หรือไม่ เกรงจะเป็นการละเมิดสิทธิขัดรัฐธรรมนูญ รวมถึงเรื่องการจัดเก็บดีเอ็นเอผู้ต้องขังคดีความผิดทางเพศทุกคน เพื่อติดตามไม่ให้ไปกระทำผิดซ้ำนั้น มีอำนาจทำได้จริงหรือไม่ เอาอำนาจอะไรมาใช้ เพราะสุ่มเสี่ยงต่อการละเมิดสิทธิ
ขณะที่ น.ส.พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า
ไม่ใช่การฉีดให้ฝ่อ แต่เป็นการฉีดฮอร์โมนยับยั้งไม่ให้เกิดความรู้สึกทางเพศระยะหนึ่ง เมื่อยาหมดฤทธิ์ก็กลับมาใช้การตามปกติ การใช้วิธีนี้ต้องได้รับความยินยอมจากผู้กระทำความผิดก่อน เหมือนที่เกาหลีใต้ใช้กับผู้ที่กระทำความผิดทางเพศซ้ำ เนื่องจากเรื่องนี้ยังเป็นเรื่องใหม่ในไทย และละเอียดอ่อน
หลังจากที่สมาชิกอภิปรายกันครบถ้วนทุกคนแล้ว ที่ประชุมจึงเห็นด้วยกับรายงานของ กมธ.วิสามัญศึกษาแนวทางป้องกันและแก้ปัญหาการข่มขืนกระทำชำเรา และการล่วงละเมิดทางเพศ โดยไม่มีการลงมติ เนื่องจากทุกคนเห็นด้วยกับข้อเสนอในรายงานฉบับนี้ หลังจากนี้จะส่งรายงานให้รัฐบาลเพื่อพิจารณาดำเนินการต่อไป
" ประกาศ "
ร่วมแสดงความคิดเห็น