นายวิชา กล่าวว่า กระบวนการเหล่านี้เราเห็นภาพว่า พนักงานสอบสวนไม่ได้ทำงานอย่างมืออาชีพ เพราะบางข้อกล่าวหาไม่ได้ใส่ไว้ในสำนวน สอบไว้เพียงแค่ให้รู้ว่าสอบ แต่ไม่ได้จริงจัง และก็สั่งไม่ฟ้องสำหรับข้อกล่าวหา เช่น เรื่องเมาแล้วขับ และ
คดีนี้มีการร้องขอความเป็นธรรม 14 ครั้ง โดยไม่ประสบความสำเร็จ 13 ครั้ง ส่วนการร้องขอความเป็นธรรมครั้งที่ 14 มีการยื่นพยานหลักฐานที่ก่อนหน้านี้ได้มีการปฏิเสธไปแล้ว และยังพบว่าในการร้องขอความเป็นธรรมครั้งที่ 8 วันที่ 16 มิ.ย.58 เป็นครั้งที่เราถือได้ว่าเป็นการร่วมมือร่วมแรงร่วมใจกันจนผิดปกติที่สุดในกระบวนการทำสำนวนในลักษณะของการสมยอมในการสอบสวน และเรายังพบว่าวันที่ก็ผิด ไม่ได้เป็นวันที่จริง เพราะวันที่มีการสอบปากคำจริง คือ วันที่ 29 ก.พ.2559
เรามีหลักฐานยืนยันชัดเจนทางนิติวิทยาศาสตร์ และเป็นหลักฐานที่ทำให้เราเชื่อโดยปราศจากข้อสงสัย ซึ่งทั้งพ.ต.อ.ธนสิทธิ แตงจั่น ตำรวจพิสูจน์หลักฐานในคดี และ นายสายประสิทธิ์ เกิดนิยม อาจารย์ประจำและหัวหน้าศูนย์วิจัยเฉพาะทางวิศวกรรมการประเมินและความปลอดภัยยานยนต์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ทำให้กลับความเห็นเรื่องความเร็ว ซึ่ง พ.ต.อ.ธนสิทธิ ยืนยันว่า มีการกระทำในลักษณะที่ถูกกดดันด้วยเข้าอยู่ในกระบวนการคุ้มครองพยานในทันที และ
จากการสอบสวนของคณะกรรมการพบว่ามีผู้กระทำผิดประมาณ 10 คนขึ้นไป