เปิดเส้นทางใหม่ ขึ้นภูเหล็กไฟ เดินทะลุใกล้บ้านน้องชมพู่ได้
แต่คนในพื้นที่ ทั้งพ่อแม่และญาติน้องชมพู่ ไม่เชื่อว่าน้องจะเดินหลงป่าไปเสียชีวิตเอง
เมื่อวานนี้ (18 ก.ค. 2563) ทีมข่าวได้สำรวจเส้นทางขึ้นภูเหล็กไฟ พบว่า เป็นเส้นทางที่ไม่ลาดชัน สามารถเดินไปที่จุดพบศพน้องชมพู่ได้ โดยเส้นทางนี้ต้องเดินเข้าทางลานโคกเพียง บ้านกกตูม หมู่บ้านใกล้ๆ กับบ้านกกกอก
เส้นทางนี้มีระยะทางประมาน 2.2 - 2.5 กิโลเมตร หากเทียบกับทางสวนยางหลังบ้านน้องชมพู่เส้นทางนั้นมีระยะเพียง 1.7 กิโลเมตร
ขณะที่ทางลงก็พบว่า สามารถเดินมาทะลุป่าสวนยาง และบนถนนใหญ่ ใกล้กับบ้านพ่อแบม และบ้านลุงพล ชาวบ้านบ้านกกกอกได้
ประกอบกับช่วงเวลาที่น้องหายตัวไป ก็มีชาวบ้านได้ยินเสียงคล้ายคนวิ่งและเดินบริเวณป่าสวนยางนี้ จนทำให้หมาเห่าเสียงดังแต่ไม่มีใครออกมาดูเพราะดึกมาก และใกล้กับป่าสวนยางนี้ก็มีกระต๊อบของชาวบ้านในสวนยางนี้อยู่ แต่จนถึงตอนนี้ยังไม่มีใครแสดงตัวว่ากระต๊อบนี้เป็นของเจ้าของสวนยาง หรือของชาวบ้านที่มาอาศัยในสวนยางนี้
นอกจากนี้ พรานเด่น ยังเปิดเผยกรณีกระแสข่าวว่า ช่วงน้องชมพู่หายมีการลือว่า มีนายพรานได้ยินเสียงเด็กร้องไห้ในภูนั้น คนที่ได้ยินไม่ได้ออกไปตามหาน้องหรือหาของป่า แต่นอนอยู่บ้าน และโทรมาบอกชาวบ้านที่ตามหา ซึ่งกลุ่มนายพรานพวกตนออกหาของป่า ไม่มีใครได้ยินเสียงเด็กร้องไห้ และถ้ามีการร้องไห้ในภู บางครั้งก็ไม่ได้ยินเสียง
ส่วนของแม่น้องชมพู่และญาติ ยังเชื่อว่า แม้จะมีเส้นทางใหม่หรือจุดใด น้องชมพู่ก็ไม่สามารถเดินไปเองได้ขนาดนั้น หากจะเดินหลงป่าจริงคงแค่ใกล้ๆ บ้านน้องก็ร้องไห้แล้ว แต่นี่น้องไปไกลมาก และไม่พบบาดแผลที่เท้าหรือรอยพุพอง เพราะน้องใส่รองเท้าแตะ ซึ่งหากเดินไปไกลขนาดนั้นสภาพเท้าต้องไม่เป็นเช่นนี้ รวมทั้งรองเท้าน้องด้วย และเสื้อที่หายไป ผมที่โดนตัด มีหลายประเด็นที่คาใจ จึงไม่เชื่อน้องจะหลงป่าเอง