โลกร้อน-กระทบ บั้งไฟพญานาค

หวั่นพุ่งขึ้นไม่จุใจ! แห่จับจองที่ริมโขง

หนองคายคึกคักสุดขีด นักท่องเที่ยวแห่แน่นเมืองรอชมบั้งไฟพญา นาค ผู้ว่าฯล่องเรือตรวจจุดชมปรากฏการณ์พิเศษ มั่นใจไม่มีปัญหา ด้าน"หมอมนัส" ผอ.ร.พ.หนองคาย ผู้ศึกษาเรื่องบั้งไฟพญานาคมานานหลายปี เชื่อภาวะโลกร้อนและระบบนิเวศแม่น้ำโขง จะทำให้บั้งไฟลดลง และจะน้อยลงทุกๆ ปี ขณะที่ปราชญ์ชาวบ้านมั่นใจปีนี้จะเยอะกว่าทุกครั้ง เพราะเป็นปีที่มีเดือน 8 สองหน และวันออกพรรษาไทย-ลาวยังตรงกันด้วย

เมื่อวันที่ 25 ต.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.หนองคาย ถึงปรากฏการณ์ "บั้งไฟพญานาค" ที่จะมีขึ้นในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 หรือวันออกพรรษา

ตรงกับวันที่ 26 ต.ค. ว่าขณะนี้มีรถของนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาใน จ.หนองคาย และเข้าพักตามโรงแรมต่างๆ เพื่อจะรอชมปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาค ที่จะเกิดขึ้นในช่วงพลบค่ำวันที่ 26 ต.ค. ส่งผลให้ภายในตัวเมืองหนองคาย มีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก และท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ ในตัวเมืองหนองคาย เช่น ตลาดท่าเสด็จ วัดโพธิ์ชัย ที่ประดิษฐานองค์หลวงพ่อพระใส พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองหนองคาย

ส่วนที่ อ.โพนพิสัย โดยเฉพาะที่บริเวณหน้าวัดไทย ริมแม่น้ำโขง เป็นจุดใหญ่ที่จะมีพิธีบวงสรวงบูชาพญานาค ในวันที่ 26 ต.ค.

และเป็นจุดหลักในการชมบั้งไฟพญานาค มีการเตรียมงานและสถานที่ต่างๆ จัดเตรียมห้องน้ำ ที่จอดรถสำหรับรถถ่ายทอดสดของสถานีโทรทัศน์ ที่เข้ามาทำข่าวในพื้นที่ รวมถึงพ่อค้าแม่ค้าต่างจับจองเปิดบูธ วางแผงจำหน่ายสินค้ากันแล้ว ทำให้บรรยากาศที่ อ.โพนพิสัย คึกคักเป็นอย่างมาก

น.พ.มนัส กนกศิลป์ รองผอ.ร.พ.หนองคาย ผู้ศึกษาค้นคว้าวิจัยปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาค กล่าวว่า

ในปีนี้คาดว่าจะมีบั้งไฟพญานาคขึ้นให้เห็นอย่างแน่นอน แต่ไม่สามารถระบุได้ว่าจะมีมากน้อยเพียงใด เพราะการเปลี่ยนแปลงของระบบนิเวศในแม่น้ำโขงในปัจจุบันเป็นสิ่งหยุดยั้งไม่ได้ บางเรื่องอยู่เหนือการควบคุมของมนุษย์ อาทิ ระบบนิเวศวิทยาในแม่น้ำโขง ทั้งฝั่งไทยและลาว ทำให้สารอินทรีย์ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญของการเกิดบั้งไฟพญานาค ไหลลงสู่ลำน้ำสาขา หรือแม่น้ำโขงน้อยลง

รองผอ.ร.พ.หนองคาย กล่าวต่อว่า รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงของมนุษย์เอง การเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติ

ทำให้เชื่อว่าปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาค อาจจะมีปริมาณลดลง และคาดว่าปริมาณของบั้งไฟพญานาคน่าจะลดลงเรื่อยๆ ในแต่ละปี สาเหตุเกิดจากระบบนิเวศ เงื่อนไขของเวลา รวมทั้งภาวะโลกร้อนในปัจจุบันก็มีส่วนทำให้จำนวนบั้งไฟพญานาคลดลงได้เช่นกัน หากในปีนี้ยังไม่ได้เห็นด้วยตาของตัวเอง ไม่แน่ว่าในปีต่อไปจะมีโอกาสได้เห็นปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาคอีกหรือไม่

"เรียกได้ว่าหากเกิดปรากฏการณ์มหัศจรรย์ระดับโลก ที่ไม่ใช่เกิดจากฝีมือของมนุษย์สร้างขึ้นแล้วนั้น บั้งไฟพญานาคน่าจะติด 1 ใน 7 อันดับสิ่งมหัศจรรย์ของโลกเลยทีเดียว บั้งไฟพญานาคเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่เกิดขึ้นในวันออกพรรษา ด้วยเหตุหลายอย่างที่สามารถใช้เหตุผลทางวิทยาศาสตร์มาอธิบายได้ แต่ก็เป็นเรื่องที่เหลือเชื่อ แม้จะสามารถอธิบายได้แต่คนส่วนใหญ่ก็ยังไม่เข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้นจริง ดังนั้นจึงอยากให้มาดู มาพิสูจน์ให้เห็นกับตา" น.พ.มนัสกล่าว

ด้านนายโกเมน โปตะวัฒน์ ปราชญ์ท้องถิ่น อ.โพนพิสัย กล่าวว่า

เชื่อว่าบั้งไฟพญานาคจะขึ้นมากกว่าทุกปี เพราะเป็นปีที่มีเดือนแปด 2 หน ปีไหนมีเดือนแปด 2 หน หรือวันออกพรรษาไทยกับลาวตรงกัน คนโบราณเชื่อว่าบั้งไฟพญานาคจะมีให้เห็นมากกว่าทุกปี ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า วันเดียวกัน นายเจด็จ มุสิกวงศ์ ผวจ.หนองคาย นำหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงเรือล่องตามลำน้ำโขงเพื่อสำรวจตลิ่งแม่น้ำโขงที่เป็นจุดชมบั้งไฟพญานาค เริ่มที่ท่าเรือหายโศก ต.ในเมือง อ. เมืองหนองคาย ล่องไปสิ้นสุดที่บริเวณวัดไทย อ.โพน พิสัย รวมระยะทาง 45 กิโลเมตร เพื่อสำรวจความพร้อมของจุดชมบั้งไฟพญานาค โดยพบว่าจุดต่างๆ ที่เตรียมไว้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย มีบางจุดที่จะต้องปรับปรุงแก้ไขบ้างแต่ไม่มากนัก

ด้านการจราจรที่เคยมีปัญหารถโดยสารไม่เพียงพอแก่นักท่องเที่ยวนั้น ทางสำนักงานขนส่ง จ.หนองคาย ร่วมกับผู้ประกอบการขนส่งรถโดยสารประจำทาง จัดเสริมรถโดยสารประจำทาง จะเป็นรถโดยสารปรับอากาศ

ต้นทางอยู่ที่สถานีขนส่ง จ.หนองคาย ปลายทางที่สถานีขนส่ง อ.โพนพิสัย โดยจัดรถเที่ยวไปหนองคาย-โพนพิสัย เที่ยวแรกเวลา 06.00 น. เที่ยวสุดท้ายเวลา 19.00 น. ส่วนเที่ยวกลับโพนพิสัย-หนองคาย จัดรถเสริมตั้งแต่เวลา 22.00-24.00 น. โดยจะมีรถบริการทุกครึ่งชั่วโมง อีกทั้งยังจัดตั้งศูนย์คุ้มครองผู้โดยสารสาธารณะ ที่สถานีขนส่งผู้โดยสาร จ.หนองคาย เพื่ออำนวยความสะดวก แนะนำการเดินทาง รับแจ้งเหตุเรื่องราวร้องทุกข์ เกี่ยวกับการให้บริการรถโดยสาร ตลอดจนตรวจสอบความพร้อมของรถโดย สาร และพนักงานขับรถ ส่วนค่ารถโดยสารหนองคาย-โพนพิสัย และโพนพิสัย-หนองคาย ราคาคนละ 20 บาทตลอดสาย