เเพทย์ไขข้อข้องใจ อ.เรนนี่ ตายเเล้วฟื้น ชาวเน็ตถก เป็นไปได้หรือเรื่องเเบบนี้
โดยหนึ่งในผู้ที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ก็คือ อ.เรนนี่ ซึ่งเธอเคยอ้างว่า เคยประสบอุบัติเหตุ แขน ขา คอหักเสียชีวิตนานถึง 49 วัน และฟื้นขึ้นมา พร้อมกับญาณวิเศษสามารถพูดคุยกับวิญญาณ หรือสื่อสารกับบูรพกษัตริย์ได้ ที่สำคัญยังมองเห็นกรรมของผู้อื่นอีกด้วย
นพ.ทรงคุณ กล่าวว่า "ตามหลักวิทยาศาสตร์แล้ว ศพที่จะสามารถอยู่ได้ถึง 49 วันนั้น จะต้องผ่านการฉีดฟอร์มาลีน(น้ำยาดองศพ) ซึ่งฟอร์มาลีนจะทำหน้าที่คงสภาพไม่ให้เซลล์เสื่อมสลาย โดยจะทำให้เซลล์ไม่สามารถทำงานได้ ดังนั้น เมื่อฉีดยาดองศพแล้วโอกาสที่จะฟื้นคืนชีพนั้น แทบเป็นไปไม่ได้"
"แต่หากจะวิเคราะห์ความเป็นไปได้ ก็อาจจะเป็นการหลับคล้ายวิธีจำศีลของหมีหรืองู ซึ่งก็ไม่ทราบว่าจะมีวิธีนี้หรือไม่ ยกตัวอย่าง หมีเข้าจำศีลก็จะนอนอย่างเดียว ทว่าก่อนที่จะจำศีลหมีจะกินอาหารตุนสำรองไว้เยอะมาก เพื่อเป็นพลังงานในช่วงที่หลับจำศีล โดยหลังจากฟื้นขึ้นมาร่างกายก็จะไม่มีปัญหาอะไร"
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า หากศพที่ไม่ฉีดฟอร์มาลีนนาน 49 วัน จะมีสภาพเป็นเช่นไร? นพ.ทรงคุณ ให้คำตอบว่า "หลังจากเสียชีวิต เมื่อศพไม่มีเลือดเลี้ยงก็จะเริ่มเน่า เชื้อแบคทีเรียในร่างกายจะเริ่มสร้างแก๊สส่งผลให้ร่างกายบวม พุพอง และเน่าเปื่อยในที่สุด ดังนั้น เมื่อเวลาที่คนเสียชีวิตจะต้องฉีดน้ำยาดองศพ เพื่อไม่ให้ศพเน่า เพราะศพจะไม่สามารถคงสภาพเหมือนก่อนเสียชีวิตได้
นพ.ทรงคุณ เปิดเผยว่า "ตามหลักแล้วโรงพยาบาลจะเก็บศพโดยการแช่ไว้ในห้องเย็น ซึ่งภายใน 7 วันโรงพยาบาลจะประกาศหาญาติ แต่ถ้าเป็นศพไร้ญาติ หรือติดต่อญาติไม่ได้ โรงพยาบาลจะติดต่อให้มูลนิธินำศพไปฝัง เนื่องจากสถานที่แช่ศพเป็นเพียงห้องเย็นที่มีอุณหภูมิเพียง 4 องศาเซลเซียส ไม่สามารถรักษาสภาพศพได้นาน แต่หากว่าญาติมาติดต่อภายหลัง ก็จะสามารถแจ้งได้ว่าศพถูกฝังไว้ที่ใด"
"แต่ในกรณีที่ญาติติดปัญหาไม่สามารถนำศพไปประกอบพิธีทางศาสนาได้เช่น เป็นชาวต่างชาติต้องนำศพออกนอกประเทศ ซึ่งต้องรอสถานทูตประสานงาน โรงพยาบาลก็จะเก็บไว้ได้นานขึ้นอีกเล็กน้อย แต่ส่วนใหญ่ก็จะเก็บไว้เพียง 7 วัน เนื่องจากเกรงว่าสภาพศพจะเน่า"
นพ.ทรงคุณ กล่าวจากประสบการณ์ว่า "ยังไม่เคยเจอ หากเป็นวารสารหรืองานวิชาการทางวิทยาศาสตร์ยังไม่เคยพบศพที่ฟื้นคืนชีพ โดยส่วนใหญ่ที่มีนั้น มักจะเป็นเรื่องเล่าที่มีผู้เสียชีวิตแล้วฟื้น ซึ่งส่วนใหญ่ช่วงเวลาที่ฟื้นก็มักจะไม่นานขนาดนี้"