สาวยอมรับปิดเรื่องติดเชื้อ HIV หลังอดีตแฟนแฉ ตอกกลับฝ่ายชายเป็นทาสยา (คลิป)

แชร์สนั่นโซเซียล หลังหนุ่มคนหนึ่งออกมาโพสต์แฉอดีตแฟนสาว ปิดบังเรื่องติดเชื้อ HIV ทำตัวเองติดโรคชีวิตพังทลาย สุดท้ายยังทอดทิ้งไปมีคนใหม่

โดยชายคนนี้ได้โพสต์เฟซบุ๊ก บอกว่าเพื่อนในโซเชียลอ่านและระวังตัว ชีวิตจะได้ไม่พังเหมือนผม พร้อมเล่าเรื่องราวของตนเอง ที่ได้คบกับผู้หญิงคนหนึ่ง แต่ผู้หญิงไม่บอกว่าติดเชื้อ HIV กระทั่งไปเจอหลักฐาน จนรู้ความจริงด้วยตัวเอง แม้จะเสียใจ แต่เพราะรักจริง จึงได้ทำพิธีผูกข้อไม้ข้อมือแต่งงานกัน และอยากให้หยุดที่ตนเอง ไม่อยากให้ไปทำบาปกับใครอีก แต่สุดท้ายผู้หญิงคนนี้ก็ทิ้งไป โดยหนีไปกับผู้ชายคนอื่น

ร้อมตัดพ้อว่า ขนาดเป็นแบบนี้ยังกล้าทิ้งกันไปอีก จะปล่อยให้ตนตายตามลำพัง แถมยังจะไปทำบาปแพร่เชื้อให้คนอื่นอีกหรือ ที่ผ่านมา ไม่เคยเสียดายเงินทองหรือชีวิตที่ให้ไป แต่แค้นที่ทำให้ติดโรค แค้นสุดๆ #ผมไม่ยอมทุกข์คนเดียวแน่นอน คุณอย่าหวังที่จะมีความสุขเลยอับอายแต่ร้ายใครยอม"

ล่าสุดทีมข่าวฯ ได้ติดต่อกับฝ่ายหญิงได้ ทราบชื่อคือ น้องมิ้น อายุ 22 ปี เธอยอมเปิดใจพร้อมกับเล่าเรื่องราวด้วยน้ำเสียงสั่นคลอ ว่า คบกับฝ่ายชาย ชื่อ ไนท์ อายุ 25 ปี เมื่อช่วงเดือนกันยายน ปีที่แล้ว จากนั้น 1 เดือน ก็ตัดสินใจแต่งงานด้วยการผู้ข้อไม้ข้อมือ โดยมีญาติของทั้ง 2 ฝ่ายเป็นพยาน โดยเธอไม่ได้บอกกับฝ่ายชายว่า ติดเชื้อเอชไอวี


จากนั้นเมื่อต้นปีที่ผ่านมา นายไนท์ เริ่มสงสัยในตัวเธอ และแอบไปค้นข้าวของในห้อง ขณะที่เธอไม่อยู่บ้าน จนพบเอกสารทางการแพทย์ว่า เธอติดเชื้อเอชไอวี ซึ่งตอนนั้นนายไนท์โกรธมาก และข่มขู่เธอมาตลอด ถึงขั้นขู่ฆ่าถ้าหากเลิกรากับเขา และตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เธอก็ยอมรับผิดที่ไม่บอกความจริงฝ่ายชาย

จนล่าสุดเธอเริ่มทนไม่ไหว เพราะฝ่ายชายติดยาเสพติด ไม่ทำงานทำการ ซึ่งเธอต้องเป็นฝ่ายหาเลี้ยงมาโดยตลอด จึงหนีออกมาใช้ชีวิตลำพัง และขอเลิกกับนายไนท์ จนนายไนท์ออกโพสต์เฟซบุ๊กแฉเธอในโลกออนไลน์ ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง พร้อมกับขอให้นายไนท์ลบโพสต์ทั้งหมดในเฟซบุ๊ก ไม่เช่นนั้นจะดำเนินคดีในถึงที่สุด


ส่วนเรื่องที่มีกระแสวิพากวิจารณ์ถึงรอยสักรูปนกฮูกบนหน้าอก ว่าเป็นแก๊งเดียวกับกลุ่มหญิงสาวที่ค้าบริการทางภาคเหนือหรือไม่ เธอปฏิเสธไม่ได้เกี่ยวข้องกัน เป็นความชอบส่วนตัว