ศาลอุทธรณ์พิพากษาคุก ‘ครูจอมทรัพย์’ 2ปี8เดือน คดีสร้างหลักฐานเท็จ
เมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 24 มิถุนายน 2563 ศาลจังหวัดนครพนม ออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 4 ในคดีดำที่ อ.295/61 คดีแดงที่ 812/62 มีพนักงานอัยการจังหวัดนครพนมเป็นโจทก์ฟ้อง จำเลยจำนวน 8 คน ในข้อหาร่วมกันสร้างหลักฐานเท็จต่อเจ้าพนักงานฯ ประกอบด้วย 1.นางจอมทรัพย์ ศรีบุญหอม หรือแสนเมืองโคตร 2.นายสุริยา นวนเจริญ หรือครูอ๋อง 3.นางทัศนีย์ หาญพยัคฆ์ 4.นางรจนา จันทรัตน์ 5.นายเสน่ห์ สุพรรณ 6.น.ส.วาสนา เพ็ชรทอง 7.นายนิรันดร์ แสนเมืองโคตร และ 8.นางทองเรศ วงศ์ศรีชา
ก่อนที่ทั้งหมดจะขึ้นไปฟังคำพิพากษา นางจอมทรัพย์มาพร้อมกับบุตรชายและญาตินั่งกันอยู่ที่โรงอาหารด้านหลังศาลฯ ซึ่งนายประทีป นวลเศรษฐ ทนายความของนางจอมทรัพย์กล่าวเพียงสั้นๆว่า ยังพอมีความหวังว่าศาลฯจะเมตตา ขณะที่นางจอมทรัพย์ไม่ขอพูดอะไรทั้งสิ้น จากนั้นก็เดินทางเข้าประตูด้านหลังขึ้นไปยังชั้น 2 ของศาลจังหวัดนครพนม
คดีมหากาพย์ดังกล่าว สืบเนื่องจากกรณีนางจอมทรัพย์ตกเป็นจำเลยในข้อหาขับรถยนต์ชน นายเหลือ พ่อบำรุง เสียชีวิต เมื่อปี 2548 พื้นที่ สภ.นาโดน ต.สร้างเม็ก อ.เรณูนคร จ.นครพนม ต่อสู้กันถึง 3 ศาล และเมื่อวันที่ 24 กันยายน 2556 ศาลฎีกาพิพากษาตัดสินจำคุก 3 ปี 2 เดือน แต่นางจอมทรัพย์จำคุกแค่ 1 ปี 6 เดือน ก็ได้รับพระราชทานอภัยโทษออกจากเรือนจำกลางนครพนม เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2558 หลังพ้นโทษได้ร้องขอความเป็นธรรมเพื่อให้กระทรวงยุติธรรมช่วยรื้อฟื้นคดีใหม่ โดยอ้างว่าตนเองตกเป็นแพะ
ศาลอุทธรณ์ภาค 4 ได้มีคำสั่งให้รื้อฟื้นคดีฯ เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2559ตามที่นางครูจอมทรัพย์ร้องขอ เนื่องจากเห็นว่าคำร้องมีมูลพอที่จะรื้อฟื้นคดีขึ้นมาพิจารณาใหม่ได้ เนื่องจากนางจอมทรัพย์ อ้างว่ามีหลักฐานกรณี นายสับ วาปี ยื่นคำร้องขอชำระเงินแทนนางจอมทรัพย์ ในวันที่ 10 มิถุนายน 2557 ซึ่งเป็นวันที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาให้นางจอมทรัพย์ ชำระเงิน 170,000บาท ให้กับบุตรของผู้ตาย และนายสับยังให้ข้อเท็จจริงกับนางจอมทรัพย์ ว่าตัวเองเป็นคนขับรถชนผู้ตายและได้หลบหนี แต่ต่อมาทราบข่าวว่านางจอมทรัพย์ ถูกจำคุกทั้งที่ไม่ได้เป็นผู้กระทำจึงสำนึกผิด
กระทั่งศาลจังหวัดนครพนมนัดสืบพยานตามที่นางจอมทรัพย์ร้องขอใน พ.ร.บ.การรื้อฟื้นคดีอาญาขึ้นมาพิจารณาใหม่ ระหว่างวันที่ 8-10 กุมภาพันธ์ 2560 โดยอ้างชื่อนายสับ วาปี ที่ออกมายอมรับว่าเป็นคนขับรถชนคนตายตัวจริง ซึ่งเป็นเหตุให้ศาลอุทธรณ์ภาค 4 รับรื้อฟื้นคดีดังกล่าว ซึ่งนายสับจึงมีความสำคัญต่อคดีนี้เป็นอย่างมาก เพราะนั่นเท่ากับว่านางจอมทรัพย์ไม่ได้ขับรถชนคนตาย ทำให้ตำรวจตกเป็นจำเลยของสังคมในทันที และหากนางจอมทรัพย์สามารถรื้อฟื้นคดีได้สำเร็จ ก็สามารถลบล้างมลทินได้ทั้งหมดที่เคยรับโทษมาก่อนหน้านี้ และสามารถกลับเข้าไปรับราชการได้เหมือนเดิม หากเกษียณก็จะได้รับบำนาญตลอดชีวิต
นอกจากนี้จะได้รับค่าเยียวยาจากการถูกคุมขังวันละ 500 บาท ซึ่งถูกติดคุก 1 ปี 6 เดือน เป็นเวลา 545 วัน คิดเป็นเงินจำนวน 272,500 บาท ตาม พ.ร.บ.ค่าตอบแทนแก่ผู้เสียหาย และค่าทดแทน และค่าใช้จ่าย แก่จำเลยในคดีอาญาฉบับใหม่ และยังมีสิทธิที่จะขอค่าเยียวยาจากกระทรวงศึกษาธิการได้ในช่วงที่อยู่ในเรือนจำ รวมทั้งยังสามารถฟ้องร้องทางแพ่ง เพื่อเรียกร้องค่าเสียหายจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องซึ่งทำให้ตนเองขาดประโยชน์ในการประกอบอาชีพอีกด้วย
ด้าน พล.ต.อ. ปัญญา มาเม่น จเรตำรวจแห่งชาติ(ในขณะนั้น) ยืนยันว่านางจอมทรัพย์ขอรื้อคดีพบสิ่งผิดปกติหลายอย่าง และมีขบวนการรับจ้างรับติดคุก โดยมีผู้ร่วมขบวนการประมาณ 6 คน เป็นข้าราชการ อดีตข้าราชการ และพลเรือนแบ่งหน้าที่กันทำ เพื่อหาประโยชน์จากเงินเยียวยา และมีพยานสำคัญที่ตำรวจได้สอบปากคำ คือ อดีต ส.ว.มุกดาหารที่เคยได้รับการติดต่อว่าจ้างให้ทำหน้าที่ทนายความคดีนี้ และยังพบว่า ขบวนการนี้เริ่มเคลื่อนไหว หลังจากศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษายกฟ้องนางจอมทรัพย์ คล้ายกับเห็นช่องทางแสวงหาผลประโยชน์ และการสืบสวนยังพบอีกว่า ขบวนการนี้ทำมาแล้วหลายครั้งในพื้นที่ภาคอีสาน มีทั้งที่ทำสำเร็จและไม่สำเร็จ ส่วนในความเคลื่อนไหวของนางจอมทรัพย์ มีการรับและจ่ายเงินให้คนในขบวนการบางส่วนแล้ว
กระทั่งวันที่ 17 พฤศจิกายน 2560 ศาลฎีกาได้ออกนั่งบัลลังก์ พิจารณายกคำร้องของนางจอมทรัพย์ หลังพยานหลักฐานต่างๆ ไม่น่าเชื่อถือ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแจ้งความดำเนินต่อขบวนการจ้างแพะช่วยแกะ เริ่มจากนายสับเข้ามอบตัว พร้อมเปิดปากรับสารภาพว่าไม่ได้ขับรถชนคนตายตามที่ให้การต่อตำรวจในตอนต้น แต่มีนายสุริยา หรือครูอ๋อง มาติดต่อและรับปากจะให้เงิน 4 แสนบาท แลกกับการรับผิดแทน แต่ยังไม่มีการจ่ายเงินกัน
ต่อมาวันที่ 6 มีนาคม 2562 ศาลจังหวัดนครพนม ได้มีคำพิพากษาตัดสินจำคุก 1.นางจอมทรัพย์ ศรีบุญหอม หรือแสนเมืองโคตร เป็นเวลา 8 ปี ในข้อหาสร้างหลักฐานเท็จ 2.นายสุริยา นวนเจริญ หรือครูอ๋อง เพื่อนของเธอถูกตัดสินเป็นเวลา 7 ปี 9 เดือน 3.นายนิรันดร์ แสนเมืองโคตร อดีตสามีนางจอมทรัพย์ เจอเบาะๆ 2 เดือน ด้วยข้อหาเดียวกัน ส่วนคนอื่นๆ คือ 4.นางทัศนีย์ หาญพยัคฆ์ จำคุก 2 ปี 19 เดือน และ 6.นางทองเรศ วงศ์ศรีชา จำคุก 2 ปี 12 เดือน ส่วนจำเลยที่ 6-8 คือนายเสน่ห์ สุพรรณ นางรจนา จันทรัตน์ และ น.ส.วาสนา เพ็ชรทอง ศาลได้พิพากษายกฟ้อง