คนไทยเห็นด้วยงดบินข้ามประเทศต่ออีก 3 เดือน ชี้วัยรุ่นการ์ดตก!
วันที่ 11 มิ.ย. กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) แถลงข่าวผลสำรวจพฤติกรรมประชาชนในช่วงโรคโควิด-19 จำนวน 2 ผลการสำรวจ แบ่งเป็น 1. การสำรวจเรื่องการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในระหว่างมาตรการผ่อนปรน สำรวจระหว่างวันที่ 8 พ.ค. - 4 มิ.ย. โดย สธ. ร่วมกับองค์การอนามัยโลกประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล คณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาธิบดี สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) และสำนักงานสถิติแห่งชาติ และ 2. ผลการสำรวจทัศนคติความเห็นของประชาชน โดยดีดีซีโพล กรมควบคุมโรค
ภญ.วลัยพร พัชรนฤมล ผู้อำนวยการกองการต่างประเทศ และสำนักงานพัฒนานโยบายสุขภาพระหว่างประเทศ (IHPP) สธ. กล่าวว่า
การสำรวจการป้องกันโรคโควิด-19 ในระหว่างมาตรการผ่อนปรน เก็บข้อมูลผ่านแบบสอบถามใน Google Form โดยให้ อสม.จังหวัดต่างๆ เคาะประตูบ้านให้ช่วยตอบแบบสอบถาม ตั้งเป้าหมาย 550 รายต่อจังหวัดต่อสัปดาห์ ได้ผู้ตอบแบบสอบถาม 143,827 ราย สำรวจออนไลน์ 69,489 ราย และนักศึกษาแพทย์คณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาธิบดี โทรศัพท์สัมภาษณ์ 1,882 ราย พบว่า พฤติกรรมป้องกันตนเองอยู่ในระดับที่ดี ประกอบด้วย การสวมหน้ากาก ล้างมือบ่อยๆ รักษาระยะห่าง ใช้ช้อนกลางส่วนตัว ไม่จับหน้าตาตัวเอง แต่เมื่อรัฐบาลผ่อนปรน พฤติกรรมที่ดีก็ตกลงมา เมื่อผ่อนปรนระยะที่ 2 ก็ได้กระตุ้นเตือน ทำให้พฤติกรรมดีขึ้น โดยพฤติกรรมใส่หน้ากากดีที่สุด ราว 90%
ภญ.วลัยพรกล่าวว่า ส่วนการเดินทางออกนอกจังหวัด พบว่า 20% เดินทางออกนอกจังหวัด และมีแนวโน้มสูงขึ้น สาเหตุคือไปทำงานหรือมีธุระจำเป็น ส่วนรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา สถานที่ที่ออกไป คือ ออกไปทำงาน ตลาดสด ซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านอาหาร และศาสนสถาน ซึ่งแต่ละสถานที่มีการจัดมาตรการป้องกันแต่ทำได้ไม่เต็มที่ เช่น เรื่องการสวมหน้ากากของพนักงาน-ผู้ไปรับบริการ การจัดเจลล้างมือยังไม่เต็มที่ 100% การจัดระยะห่างยังทำได้น้อย
ส่วนการเดินทางไปด้วยขนส่งสาธารณะไม่มาก มาตรการป้องกันของขนส่งสาธารณะ ผู้ตอบแบบสอบถามระบุว่า ไม่มากเท่าไร ไม่ถึงครึ่งหนึ่ง เมื่อถามว่า ต้องการให้เปิดเส้นทางการบินระหว่างประเทศหรือไม่ พบว่า ในเดือน มิ.ย.-ก.ย. ยังไม่ให้เปิด แต่ช่วง ต.ค.มีครึ่งหนึ่งเห็นด้วยให้เปิดเดินทางระหว่างประเทศ
ส่วนการเข้าประเทศทั้งด่านบก น้ำ อากาศ พบว่า น้อยกว่า 1% ที่คิดว่าควรให้คนไทยและชาวต่างชาติเดินทางเข้าไทยได้โดยไม่ต้องคัดกรองกักตัว 14 วัน หมายความว่า คนไทยยังคิดว่าใครเข้ามาควรคัดกรองเข้มข้นและกักตัว 14 วัน และมากกว่า 60% เห็นว่าไม่ควรอนุญาตต่างชาติเข้าประเทศใน พ.ค. - มิ.ย.
"ประชาชนยังปฏิบัติตัวเองได้ดีพอสมควร แต่ขอให้ดีเพิ่มขึ้น เช่น สวมหน้ากาก 100% ซึ่งเราทำได้ ส่วนมาตรการป้องกันโรคในสถานที่ต่างๆ ยังทำได้ไม่เต็มที่ 100% ก็ขอให้ช่วยกันทำต่อไป และขอเชิญชวนร่วมกันตอบแบบสอบถามเพื่อจะได้ทราบพฤติกรรมคนไทยมากยิ่งขึ้น ผ่าน www.อยู่บ้านหยุดเชื้อเพื่อชาติ.com" ภญ.วลัยพรกล่าว
นพ.อนุพงศ์ สุจริยากุล ผู้ทรงคุณวุฒิ กรมควบคุมโรค กล่าวว่า เราทำการสำรวจในพื้นที่ 25 จังหวัด 4 ครั้ง ครั้ละ 3,500 คน ช่วง 7 ก.พ. - 19 เม.ย. และปรับมาเป็นสำรวจทางออนไลน์ 8 ครั้ง ตั้งแต่ 12 เม.ย. - 6 มิ.ย. ซึ่งครอบคลุมในช่วงที่มีการผ่อนปรนระยะที่ 1 2 และ 3 โดยพบว่า เมื่อถามถึงการสวมหน้ากากเวลามีไข้ ไอ เจ็บคอหรือไม่ พบว่า สวมหน้ากากอยู่ที่ 90% ขึ้นไปแต่มีช่วงหนึ่ง คือ การสำรวจออนไลน์ครั้งที่ 2-4 ตกลง เหลือ 82.9% 76.1% 74.6% ซึ่งเป็นช่วงผ่อนคลายครั้งที่ 1 แต่กลับมามากกว่า 90% ในช่วงผ่อนคลายระยะที่ 2 และ 3 ส่วนเวลาไม่มีไข้ ไอ เจ็บคอ สวมหน้ากากหรือไม่ พบว่า สัดส่วนร้อยละน้อยกว่าการสวมเมื่อมีอาการ ส่วนการจะเลิกสวมหน้ากากเมื่อไร พบว่า ประชาชนจะสวมหน้ากากต่อเนื่อง 53.5% หมายความว่าแม้โรคน้อยลงก็จะสวมหน้ากากต่อไป รองลงมา คือ เมื่อไม่มีรายงานผู้ป่วยโควิดในประเทศ 44.4% ขณะที่การล้างมือด้วยสบู่และน้ำเวลาใด พบว่า ให้ความร่วมมือล้างมือก่อนและหลังรับประทานอาหารมากที่สุด ระดับ 80-90%
นพ.อนุพงศ์กล่าวว่า หากพิจารณาเฉพาะการสำรวจออนไลน์ครั้งที่ 8 วันที่ 1-6 มิ.ย. ซึ่งเป็นช่วงการผ่อนปรนระยะที่ 3 จำนวน 1,287 ตัวอย่าง พบว่าการสวมหน้ากากอนามัย สวมเกิน 90% ในทุกกลุ่มอายุ ยกเว้นช่วงอายุ 15-24 ปี ที่สวมเพียง 79% ทั้งนี้ ต้องคงมาตรการรณรงค์สวมหน้ากาก 100% แม้ไม่เจ็บป่วย ซึ่งการสวมหน้ากากเมื่อไม่ป่วยยังน้อยกว่าการสวมเมื่อป่วยอยู่ แม้วันนี้เข้าสู่วันที่ 17 วัน แล้วที่ไม่พบการติดเชื้อในประเทศ แต่ยังการ์ดตกไม่ได้ คือ สวมหน้ากาก ล้างมือ เว้นระยะห่าง มีหลายกิจการเริ่มมีการชุมนุมของคนจำนวนมาก หากไม่สวมหน้ากาก ความเสี่ยงย่อมมี ขอให้เราไปถึงวันที่ 28 ที่ไม่มีการติดเชื้อก็จะสบายใจได้มากกว่านี้
"คงไม่สรุปว่า เยาวชนไม่ได้ให้ความร่วมมือสวมหน้ากากเลย แต่ต้องทำความเข้าใจว่า การที่การติดเชื้อในประเทศเป็น 0 ยังไม่ได้หมายความว่าประเทศไทยปลอดเชื้อ 100% เพระาการติดเชื้อไม่แสดงอาการยังมีโอกาสเป็นไปได้อยู่ ระยะฟักตัวของเชื้อ 14 วัน เวลา 2 เท่า คือ 28 วัน เมื่อผ่านพ้นช่วง 28 วันไปก็สบายใจขึ้นแต่ช่วงนี้ขอเชิญชวนให้สวมหน้ากาก และส่งข้อความถึงเยาวชนว่าขอให้สวมหน้ากาก และช่วงเปิดเทอม 1 ก.ค. อยากจะเปิดโรงเรียนให้ปลอดภัย การสวมหน้ากากของครู นักเรียน คนในโรงเรียน ก็ต้องใส่หน้ากากเพื่อความปลอดภัย อย่างเวียดนามปลอดเชื้อกว่า 50 วันก็ยังไม่ทิ้งเรื่องสวมหน้ากาก ยังไม่เปิดประเทศให้คนเข้าไป ยังป้องกันระดับสูงมาก" นพ.อนุพงศ์กล่าว
นพ.อนุพงศ์กล่าวว่า สาเหตุที่ไม่มีการติดเชื้อในสถานกักกันของรัฐในวันนี้ เนื่องจากผู้เดินทางกลับมาจากประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำแล้ว เช่น ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ จาก 2 ไฟลท์ที่กลับมาเมื่อวานซืน ทำให้ตรวจไม่พบเชื้อ แต่ตราบใดที่มีคนกลับมาจากตะวันออกกลาง สหรัฐอเมริกา อเมริกาใต้กลับมา ก็ยังมีความเสี่ยงพบผู้ติดเชื้อในสถานกักกันของรัฐได้อีก แต่ขอให้มั่นใจว่า การมีสถานกักกันของรัฐเรามีมาตรการเข้มข้น เราตรวจเชื้อ 2 ครั้ง หากเจอเชื้อก็นำเข้ารักษา และหากตรวจไม่พบเชื้อก็ปลอดภัยแน่นอน ไม่ไปแพร่เชื้อในชุมชนหลังพ้นการกักตัว