ยูเอ็นตอบรับ ‘วันเฉลิม’ ถูกอุ้มหาย- ‘อังคณา’ จี้รัฐบาลขยับอย่านิ่ง!
ล่าสุด บีบีซีไทยได้สอบถามถึงกรณีนี้ไปยังสำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ซึ่งได้ตอบอีเมลกลับมาว่า ทางสำนักงานได้ทราบกรณีที่เกิดขึ้นแล้ว และกำลังติดตามตรวจสอบเรื่องนี้
สำหรับนายวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ ได้มีคำสั่งจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้เข้าไปรายงานตัวเมื่อวันที่ 8 มิ.ย.2557 ในคดี พ.ร.บ.คอมพ์ เนื่องจากเป็นแอดมินเพจ "กูต้องได้ 100 ล้าน จากทักษิณแน่ๆ" โดยเนื้อหาส่วนใหญ่ในเพจเป็นข่าวเศรษฐกิจและข่าวการเมืองที่วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลและทหารเป็นหลัก อย่างไรก็ตาม นายวันเฉลิมไม่ได้ไปรายงานตัว จึงถูกออกหมายจับในข้อหาฝ่าฝืนไม่มารายงานตัวตามคำสั่ง คสช.
กรณีวันเฉลิม เชื่อว่ารัฐบาลกัมพูชาคงต้องดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง เนื่องจากกัมพูชาได้ให้สัตยาบันอนุสัญญาคนหายของสหประชาชาติ (มิถุนายน 2013) ซึ่งทำให้มีภาระผูกพันให้ต้องดำเนินการสืบสวนสอบสวนกรณีการบังคับบุคคลสูญหายแม้จะไม่มีการร้องเรียน ส่วนจะนำไปถึงการทราบที่อยู่และชะตากรรม และนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษหรือไม่ คงต้องติดตามดูกันต่อไป แม้วันเฉลิมจะอยู่ในสถานะผู้ลี้ภัยในประเทศกัมพูชา
นางอังคณาระบุว่า แม้ที่ผ่านมารัฐบาลไทยจะได้ลงนามอนุสัญญาคนหายของสหประชาชาติ (มกราคม 2555) และมีมติ ครม. ให้สัตยาบันอนุสัญญาฯ และให้มีกฎหมายภายในประเทศเพื่อป้องกันและยุติการบังคับบุคคลสูญหาย (25 พฤษภาคม 2559) แต่ส่วนตัวไม่เชื่อว่ารัฐบาลพลเอกประยุทธ์จะเต็มใจผ่านร่างกฎหมายฉบับนี้ เนื่องจากความล่าช้า
อีกทั้งที่ผ่านมา ร่างกฎหมายยังถูกปรับแก้จากสภานิติบัญญัติแห่งชาติ จนไม่สอดคล้องกับอนุสัญญาฯ และถูกถอดจากวาระการพิจารณาของ สนช. โดยไม่มีการแจ้งเหตุผล จนปัจจุบันก็เชื่อว่าร่างกฎหมายฉบับนี้คงยากที่จะผ่านสภา ทั้งสภาผู้แทนราษฎร และโดยเฉพาะวุฒิสภา หรือหากผ่านก็คงถูกตัดทอนจนไม่เหลือสาระสำคัญในการคุ้มครองประชาชนและเอาผิดเจ้าหน้าที่ซึ่งกระทำผิดได้จริง
เขากล่าวว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีหน้าที่เพียงติดตามตัวผู้ต้องหาที่หลบหนีคดีออกนอกประเทศกลับมาดำเนินคดีเท่านั้น โดยการประสานผ่านขั้นตอนทางกฎหมายไปยังประเทศนั้นๆ ที่ผู้ต้องหาหลบหนีไป ส่วนต่างประเทศจะดำเนินการอย่างไรเป็นสิทธิ์ของเขา เรายุ่งไม่ได้
ความสัมพันธ์ด้านความมั่นคงไทยกับสามประเทศอินโดจีน แนบแน่นหลัง คสช.เข้ามาบริหารประเทศต่อเนื่องยาวมาถึงรัฐบาลเลือกตั้งของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในช่วง คสช.ทางการ สปป.ลาวให้ความร่วมมืออย่างดีเยี่ยมจากการร้องขอของฝ่ายไทย ต่อการเคลื่อนไหวที่กระทบความมั่นคงในฝั่งลาวจากกลุ่มแดงสยาม ของนายสุรชัย แซ่ด่าน และกลุ่มสหพันธรัฐไทย ลุงสนามหลวง ชูชีพ ชีวสุทธ์ ที่หายสาบสูญจากช่วงต้นปี 61 หลังทางการลาวเตือนให้ยุติการเคลื่อนไหวในฝั่งลาว ที่จะกระทบความสัมพันธ์กับรัฐบาลไทย แต่นายสุรชัยและลุงสนามหลวงยังเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องจนเกิดปฏิบัติการอุ้มหายจาก กกล.นิรนาม
แต่ถ้าจะเอามาเทียบ ต้องเทียบเหตุการณ์ที่อดีตรัฐมนตรีกลาโหม เจมส์ แมททิส ออกแถลงการณ์กล่าวหาทรัมป์ "เป็นประธานาธิบดีคนแรกในชีวิต ที่มีพฤติกรรมต้องการแบ่งแยกประชาชน" มาเทียบกับคำพูดของอดีตผู้นำไทย "จังหวัดไหนไม่เลือก ดูแลทีหลัง" แบบนี้จึงจะถูกครับ ขอแนะนำว่า การจะเชื่อมโยงอะไร ควรจะศึกษาให้เข้าใจเสียก่อน........อายเขา!!!.