ลุยตรวจที่ดิน ‘ทวี ไกรคุปต์’ พบบ่อจระเข้เพียบ-เอกสารถูกทิ้ง-ซากหัวสุนัข
หน้าแรกTeeNee ที่นี่ข่าววันนี้, ข่าวหน้าหนึ่ง ข่าวอื่นๆ ลุยตรวจที่ดิน ‘ทวี ไกรคุปต์’ พบบ่อจระเข้เพียบ-เอกสารถูกทิ้ง-ซากหัวสุนัข
วันที่ 4 มิถุนายน 2563 นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน ผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษดำเนินคดีตามกฎหมาย ต่อพนักงานสอบสวนทั้ง สภ.สวนผึ้ง อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี ในข้อหาบุกรุกที่ป่าสงวนแห่งชาติ ในพื้นที่หมู่ 9 ต.ท่าเคย อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี ซึ่งติดกับเขาสน เขตรอยต่ออำเภอจอมบึง และ อำเภอสวนผึ้ง พร้อมทั้งยื่นร้องต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะ ป่าไม้ และ สปก. ซึ่งเรื่องนี้นายสมคิดได้นำพยานและหลักฐานต่างๆ เข้ายื่นต่อพนักงานสอบสวน และได้มีการลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าของคดีมาโดยตลอด แต่จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ทำให้เรื่องต้องหยุดชะงักไปพักหนึ่ง
ซึ่งเรื่องนี้ทาง นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมป่าไม้ ได้ร่วมกับฝ่ายปกครองและฝ่ายความ เจ้าหน้าที่ป่าไม้ราชบุรี เข้าตรวจสอบพื้นที่ที่ครอบครองโดยนายทวี ไกรคุปต์ บิดาของ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ตามที่นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต่อต้านคอรัปชั่น (คปต.) ได้แจ้งความไว้เมื่อวันที่ 28 ม.ค.63 โดยการตรวจสอบร่วมกันของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องปรากฏว่า มีการบุกรุกที่ดินของรัฐ 3 ประเภทคือ แปลงที่ 1 พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าฝั่งซ้ายแม่น้ำพาชี เนื้อที่ 17-0-68 ไร่ ทำเป็นทางสัญจรและตั้งถังเก็บน้ำ แปลงที่ 2 พื้นที่ป่าไม้ถาวร เนื้อที่ 207-3-68 ไร่ ทำทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ สร้างบ้านพัก และฟาร์มจระเข้ แปลงที่ 3 พื้นที่ป่าไม้ถาวร เนื้อที่ 39-0-48 ไร่ ทำทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ แปลงที่ 4 พื้นที่ป่าไม้ถาวร เนื้อที่ 126-3-64 ไร่ ทำทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ แปลงที่ 5 พื้นที่ป่าไม้ถาวร เนื้อที่ 1-2-84 ไร่ทำเป็นทางสัญจรและตั้งถังเก็บน้ำ รวมพื้นที่ในความรับผิดชอบของกรมป่าไม้ 5 แปลงประมาณ 400 ไร่เศษ ซึ่งกรมป่าไม้ได้เร่งรวบรวมพยานหลักฐาน เป็นการกระทำความเอาผิดในการครอบครองตาม พ.ร.บ. ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 และ พ.ร.บ. ป่าไม้ พ.ศ. 2484
ทางคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ส่งหนังสือเชิญนายวีระ สมความคิด และ นายทวี ไกรคุปต์ พร้อมทั้งส่งไปเชิญ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวของ ทั้ง ป่าไม้ บาดาล ส.ป.ก. พนักงานสอบสวน สภ.สวนผึ้ง และ ฝ่ายปกครอง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เพื่อร่วมกันตรวจสอบ โดยจะขอให้ทาง นายทวี หรือ เอ๋ปารีณา เป็นผู้ชี้แนวเขต แต่ปรากฏว่า วันนี้เวลา 10.00 น นายวีระ สมความคิด ได้เดินทางมาเพียงฝ่ายเดียว ส่วนฝ่ายของนายทวี ไม่มาตามหนังสือเชิญ และไม่มีการส่งทางตัวแทนมาเป็นผู้ชี้แนวเขตแต่อย่างไร
นายสมคิดได้พา เจ้าหน้าที่ และสื่อมวลชนเข้าไปยังบ่อเลี้ยงจระเข้ ซึ่งนายทวีไดรับการอนุญาตจากกรมประมงให้สามารถเลี้ยงได้ตามใบอนุญาต จำนวน 1050 ตัว และเลี้ยงบ่อซีเมนต์ไม่สามารถเพราะพันธุ์ได้ โดยพบว่าภายในบ่อยังมีการเลี้ยงจระเข้อยู่จำนวนมาก เจ้าหน้าที่ได้ถ่ายภาพและบันทึกไว้เป็นหลักฐาน แต่ยังไม่สามารถดำเนินการได้ ต้องรอให้ใบอนุญาตหมดอยู่ โดยจะสิ้นสุดในวันที่ 26 สิงหาคม 2563 นี้ หาก นายทวีไม่มีการเคลื่อนย้ายออกก็จะต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย เอาผิดกับนายทวี ในฐานะผู้ครอบครองต่อไป
จากนั้นนายวีระได้พาเจ้าหน้าที่เดินไปตรวจสอบพื้นที่ซึ่งเป็นพ่อลูกรังล้างที่อยู่บริเวณเชิงเขาพบ ตู้แช่ถูกทิ้งจำนวนมาก และที่ข้างตู้แช่ในบ่อยังพบเอกสารสำคัญทางราชการหลายรายการ และยังมีหมายศาลที่เชิญบุคคลที่เกี่ยวของกับนายทวี และ เอ๋ปารีณา ซึ่งมีนามสกุลเดียวกัน ไปไกล่เกลี่ยที่ศาลด้วย อีกทั้งยังพบเอกสารเกี่ยวกับการเช่าที่ดินอีกหลายรายการโดยด้านหลังโฉลดพบมีชื่อนางสาวปารีณา ไกรคุปต์ เป็นผู้ที่ครอบครอง และ เคยครอบครองอีกด้วย โดยนายวีระ และเจ้าพนักงานสอบสวน รวมถึงสื่อมวลชนได้บันบันทึกภาพ เพื่อเก็บไว้เป็นหลักฐาน โดยเจ้าหน้าที่จะได้ตรวจสอบว่าเอกสารต่างๆนี้ มีความเกี่ยวโยงกับคดีหรือไม่
นายวีระ สมความคิด กล่าวว่า จากที่ปรากฏเป็นสื่อออกไปเรื่องการบุกรุกครอบครองพื้นที่ของนายทวี ไกรคุปต์ เห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าเป็นการกระทำความผิดอย่างแน่นอน แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถดำเนินคดีได้เลย ปล่อยเวลายืดเยื้อออกมานานมาก หากเป็นชาวบ้านตาสีตาสาโดยดำเนินคดีติดคุกไปนานแล้ว จากภาพและหลักฐานต่างๆ ก็ถูกเผยแพร่ออกมาเองจากนายทวี จากการที่ลงไปหาเสียงในพื้นที่ชาวอำเภอโพธาราม และชาวอำเภอจอมบึง ซึ่งระบุไว้ชัดเจน ชาวบ้านได้นำมามอบให้ ตนได้พยายามติดตามการดำเนินคดีของทางเจ้าหน้าที่มาโดยตลอด ซึ่งอยากเห็นการทำงานของทางเจ้าหน้าที่รัฐอย่างตรงไปตรงมา ผิดก็ว่าไปตามผิด เพื่อคงความยุติธรรมของกฎหมายและความถูกต้อง
อย่างไรก็ดีวันนี้พนักงานสืบสวนสอบสวน กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จะได้ทำการตรวจสอบ ในพื้นที่อย่างละเอียด รวมถึงบันทึกทรัพย์สินที่อยู่ภายในทั้งหมด เพื่อนำไปประกอบในสำนวนคดี ส่วนผลการสืบสวนจะออกมาเป็นอย่างไร ตอนนี้ต้องรอทางเจ้าหน้าที่ทำงานก่อน และการรวบรวมเอกสารหลักฐานต่างๆ และจะนำกลับไปประชุมที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอีกครั้ง และรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบต่อไป
" ประกาศ "
ร่วมแสดงความคิดเห็น