สาวโวย ถูกพาณิชย์ล่อซื้อหน้ากากอนามัยแพง โดยไร้หมายค้น
"ปล.การบอกเล่าครั้งนี้ เราไม่ได้ต้องการเรียกร้องให้ใครมารับผิดชอบ เพราะทราบถึงขบวนการการป้องกันตัวของหน่วยงานราชการดี แต่เราต้องการบอกเล่าให้ประชาชนรู้ถึงพิษภัยจากหน่วยงานรัฐ ที่กำลังกระทำกับประชาชน โดยที่รัฐไม่พิจารณาตามเหตุอันสมควร ปล.2 ฝากถึงตำรวจล่อซื้อ คุณควรพิจารณาตามเหตุเฉพาะหน้า หากผู้ขายมิได้มีเจตนาขายตั้งแต่ต้น คุณไม่ควรคะยั้นคะยอให้ผู้ขายกระทำผิดตามเจตนาของตน การกระทำดังกล่าวอาจผิด "มาตรา 26 พรบ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537" ที่ว่าด้วยการล่อให้กระทำความผิด โดยที่จำเลยมิได้มีเจตนากระทำผิด" ซึ่งภายหลังจากมีการโพสต์ข้อความดังกล่าว ทำให้คนในโลกออนไลน์ต่างออกมาแสดงความคิดเห็นนกันอย่างมาก
ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงและพบว่าร้านดังกล่าวชื่อร้านแก้ว ตั้งอยู่เลขที่ 25/2 หมู่ 6 ต.วัดเพลง อ.วัดเพลง จ.ราชบุรี จึงเดินทางเพื่อสอบถามข้อเท็จจริง โดยได้พบกับ น.ส.นลินรัตน์ สิรโชติวัฒนกุล อายุ 30 ปี เจ้าของร้านแก้ว และเป็นเจ้าของเฟสบุ๊ก Ya Narinrat ที่ลงเรื่องราวดังกล่าว พร้อมนางมัลลิกา พ่วงศิริ อายุ 65 ปี(มารดาเจ้าของร้าน) และ น.ส.สุทธินี หงสะมัต อายุ 19 ปี(หลานเจ้าของร้าน) ซึ่งอยู่ในร้านวันที่กิดเหตุพร้อมลูกจ้าง โดย น.ส.สุทธินี เล่าว่า ก่อนหน้าที่จะเกิดเหตุ คือวันที่ 27 เม.ย. ตนอยู่ขายของภายในร้านกับ นางมัลลิกา(ป้า) 2 คน พร้อมลูกจ้างภายในร้านอีก 1 คน ส่วนน.ส.นลินรัตน์(น้า) ออกไปซื้อของเข้าร้าน จนช่วงเวลา 15.00 น. มีชายแต่ตัวเหมือนชาวสวนเข้ามาในร้านทำทีเข้ามาซื้อของ และถามหาซื้อหน้ากากอนามัยชนิดที่ทางการห้ามนำมาจำหน่าย
ด้านน.ส.นลินรัตน์ เจ้าของร้านแก้ว ก็บอกว่า ที่ตนรู้สึกไม่พอใจกับการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ชุดนี้เนื่องจากเจ้าหน้าที่ผู้ชาย ล้วงกระเป๋าคาคเอวใส่เงินของแม่ของตน ซึ่งกระเป๋าผ้านั้นอยู่ตรงด้านหน้าของสงวน ถือเป็นการกระทำที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง ทั้งๆ ที่มีเจ้าหน้าที่ผู้หญิง ที่แจ้งว่าเป็น เจ้าหน้าที่พาณิชย์จังหวัด แต่กลับไม่เป็นคนค้นกลับให้ผู้ชายเป็นฝ่ายค้น และไม่เข้าใจว่า แจ้งมาว่ามาทำตามหน้าที่เพื่อจับกุมผู้กระทำความผิดในการขายหน้ากากอนามัยเกินราคาและห้ามจำหน่าย แต่กับมีเจ้าหน้าที่มามากกว่า 10 คน เข้ามาตรวจค้นในร้าน โดยไม่มีหมายค้น ทำเหมือนกับร้านของตนค้ายาเสพติด ทำให้ร้านของตนเกิดความเสียหายเป็นอย่างมาก และตั้งแต่ทางอำเภอมาแจ้งว่า ห้ามขายหน้ากากอนามัย ชนิดที่ทางการสั่งห้าม ร้านของตนก็ไม่ได้ขายมานานแล้วตั้งแต่มีการสั่งห้าม ซึ่งตนก็นำหน้ากากอนามัยชนิดผ้ามาขายแทน ส่วนหน้ากากอนามัยชนิดที่ห้ามจำหน่าย ตนเก็บไว้ใช้เองภายในครอบครัว ซึ่งมีอยู่ในร้านไม่ถึง 10 ชิ้น แต่ที่หนักสุดและตนรับไม่ได้คือ หลังจากที่ตนได้รับโทรศัพท์จากลูกค้าที่มาซื้อของภายในร้านวันที่เกิดเหตุ
หลังจากนั้นทางผู้สื่อข่าวได้ติดต่อไปยังสำนักงานพาณิชย์จังหวัดราชบุรี เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงจาก นางจีรนันท์ บัวสำลี ผู้อำนวยการกลุ่มกำกับดูแล และพัฒนาเศรษกิจการค้า ได้เปิดเผยว่า ตนได้รับเรื่องร้องเรียนจากได้ขอข้อมูลจาก ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอวดเพลง เมื่อวันที่ 9 เม.ย.63 ว่า ร้านเลขที่ 25/2 หมู่ 6 ต.วัดเพลง อ.วัดเพลง มีการจำหน่ายหน้ากากอนามัยชนิดที่มีการคุมเข้มห้ามขายเกินราคา จำหน่ายหน้ากากอนามัยชิ้นละ 20 บาท ทางพาณิชย์จังหวัด จึงได้ไปตรวจสอบ จนทราบว่า ร้านค้าดังกล่าวมีการจำหน่ายหน้ากากอนามัยชนิดที่มีการควบคุมราคา โดยไม่มาวางจำหน่ายหน้าร้าน แต่จะจำหน่ายให้กับชาวบ้านในพื้นที่ที่คุ้นเคยกันเท่านั้น จึงได้มีการประสานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรจังหวัดราชบุรี เข้าตรวจค้นร้านดังกล่าวเมื่อวันที่ 27 เม.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งพฤติกรรมของร้านนี้มีการแอบขาย ทางเจ้าหน้าที่จึงต้องหาวิธีทำอย่างไรให้ทางร้านยอมขายสินค้าชนิดนี้
แต่ป้าได้ตอบกลับมาว่า กล้องวงจรปิดเสีย จนลูกสาวของป้าเดินทางมาถึงที่ร้าน มาถึงก็มาต่อว่าเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจค้นอะไรกันไม่มีหมายค้น ตนจึงได้ชี้แจงให้ลูกสาวป้าเข้าใจว่า ถ้าไม่มีการร้องเรียกเจ้าหน้าที่ก็จะไม่มีการมาตรวจสอบและไม่มีการมารังแกประชาชนหรอก แต่เนื่องจากมีการร้องเรียนมา จึงต้องมาปฏิบัติตามหน้าที่ สรุปในวันนั้นทางเจ้าหน้าที่ไม่ได้มีการดำเนินคดี แต่มีการลงบันทึกไว้ชัดเจนว่ามีการกระทำความผิด ในการจำหน่ายหน้ากากอนามัยเกินราคา ซึ่งทางเขาก็มีการเซ็นต์รับทราบไว้ด้วย ซึ่งหน้ากากอนามัยที่ตรวจเจอในลิ้นชักโต๊ะมีเพียง 3 ชิ้น ซึ่งเขาก็อ้างว่าเขาเก็บไว้ใส่เอง ส่วนหน้ากากอนามัยที่ล่อซื้อไปไม่ใช่ของเขา
ซึ่งตนอยากชี้แจงว่า ที่กล่าวว่าตนรื้อค้นทั้งร้านนั้นไม่ใช่ เพราะเจ้าหน้าที่ตรวจค้นยังไม่ถึง 2 เมตรเลย ทั้งๆ ที่สามารถตรวจค้นได้ทั้งร้าน แต่ก็ค้นแค่กระเป๋าสายพายเงิน ไม่ได้มีการไปโดนเนื้อตัวของป้าเลย ส่วนลิ้นชักโต๊ะก็ให้ทางป้าเปิดให้ไม่ได้ไปรื้อค้นเอง และที่บอกว่า ขนเจ้าหน้าที่ไปเกิน 20 คนนั้น ไม่เป็นความจริง มีตำรวจ 4 นาย และเจ้าหน้าที่พาณิชย์จังหวัด 2 คน รวม 6 คนเท่านั้น ไม่ใช่เกิน 20 คน ตามที่ทางร้านนำมาโพสต์ในโลกออนไลน์