จุฬาฯเตรียมรื้อสยามสแควร์ครั้งใหญ่ผุดตึกจอดรถ 30 ชั้น

ให้ 'เจริญ'ผุดศูนย์ไอทีเซ็นเตอร์พ้อยท์ ทำตึกจอดรถสูง 30 ชั้นตรงข้ามโรงแรมโนโวเทล แถมเปิดให้เอกชนร่วมทุนพัฒนาที่ดินสามย่านทั้งยวง คุณหญิงสุชาดา กีระนันทน์ อธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวภายหลังการลงนามสัญญาให้เช่าที่บริเวณมาบุญครองเซ็นเตอร์ กับบริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน) ว่า เงินที่เอ็ม บี เค จ่ายงวดแรกจำนวน 2,200 ล้านบาทนั้น ทางสภาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้อนุมัติให้นำงบฯดังกล่าวไปอยู่ในแผนพัฒนาจุฬาฯในระยะ 5 ปี (ปี 2551-2555) ซึ่งมีแผนที่จะดำเนินการทั้งสิ้น 50 โครงการ

นายบุญสม เลิศหิรัญวงศ์ รองอธิการบดี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในฐานะผู้อำนวยการสำนักงานจัดการทรัพย์สิน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยว่า

จุฬาฯจะเริ่มพัฒนาที่ดินที่มีอยู่ให้มากขึ้น โดยจะเริ่มตั้งแต่ปี 2551 เป็นต้นไป เนื่องจากที่ดินที่มีอยู่เริ่มหมดสัญญาเช่า เช่น บริเวณสยามสแควร์นอกเหนือจากบริเวณเซ็นเตอร์พ้อยท์ที่ได้ผู้พัฒนารายใหม่คือ กลุ่มนายเจริญ สิริวัฒนภักดี ที่นำเสนอพัฒนาเป็นโซนไอที โดยพื้นที่ที่จะพัฒนาต่อเนื่องจากเซ็นเตอร์พ้อยท์คือบริเวณตรงข้ามโรงแรมโนโวเทล ที่จะพัฒนาเป็นอาคารจอดรถและโรงแรมระดับ 3 ดาว ซึ่งขณะนี้กำลังออกแบบคาดว่าจะหาผู้รับเหมาได้ในเดือนธันวาคมนี้ และจะเริ่มก่อสร้างได้ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2551 โดยในเบื้องต้นจะทำพื้นที่จอดรถ 10 ชั้นก่อน แล้วหลังจากนั้นก็จะพัฒนาส่วนบน เพื่อให้เป็นทาวเวอร์สูงประมาณ 30 ชั้น เป็นโรงแรมต่อไป คาดว่าจะมีมูลค่าโครงการประมาณ 1,000 ล้านบาท

ส่วนพื้นที่บริเวณสามย่านจำนวน 14 ไร่นั้นจะมีการนำที่ดินประมาณ 4 ไร่ มาพัฒนาเป็นตลาด ซึ่งจะเปิดบริการได้ในปี 2551 โดยใช้งบฯลงทุนประมาณ 70 ล้านบาท ส่วนพื้นที่ที่เหลือนั้นจะพัฒนาเป็นอาคารสำนักงาน ห้างสรรพสินค้า และศูนย์หนังสือ โดยส่วนนี้จะเปิดให้เอกชนเข้ามาลงทุน ซึ่งจะเข้าข่าย พ.ร.บ.ว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินกิจการของรัฐ พ.ศ.2535 เพราะมีมูลค่าเกิน 1,000 ล้านบาท จะมีระยะเวลาเช่าที่ประมาณ 30 ปี มูลค่าโครงการประมาณ 4,000 ล้านบาท จะดำเนินการในปี 2551 เช่นกัน

นายบุญสมกล่าวว่า นอกจากนี้ ยังมีที่ดินบริเวณจุฬาฯ ซอย 9 อีก 30 ไร่ มีแผนที่จะนำมาพัฒนาเป็นหอพักสำหรับนิสิตจุฬาฯ ทั้งที่เป็นคนไทยและต่างชาติ

โดยคาดว่าจะก่อสร้างได้ประมาณ 4 อาคาร ไม่เกิน 1,000 ยูนิต มูลค่าการลงทุนมากกว่า 1,000 ล้านบาท จะให้เอกชนดำเนินการเช่นกัน นายบันเทิง ตันติวิท ประธานกรรมการ บริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า โดยสัญญาเช่าพื้นที่ใหม่จะเริ่มตั้งแต่กลางปี 2556 มีสัญญาเช่าระยะเวลา 20 ปี วงเงินค่าตอบแทนตลอดสัญญารวม 25,370 ล้านบาท โดยในวันทำสัญญาบริษัทจ่ายล่วงหน้ารวม 2,518 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ภายหลังการต่อสัญญาแล้ว บริษัทก็จะทำการพัฒนาพื้นที่อย่างต่อเนื่องโดยใช้งบฯลงทุนไม่ต่ำกว่า 1,200 ล้านบาทปรับปรุงอาคารให้ทันสมัยมากขึ้น

'หลังปี 2556 กำไรจากการดำเนินงานของบริษัทจะลดลง เนื่องจากต้องจ่ายค่าเช่าพื้นที่สูงขึ้นจากเดิมที่จ่ายเพียง 85 ล้านบาทต่อปีมาเป็นจ่ายที่ 870 ล้านบาทในปีแรกและทยอยปรับเพิ่มอย่างต่อเนื่องโดยในปีสุดท้ายจะมีการจ่ายกว่า 2 พันล้านบาท ซึ่งส่งผลให้กระทบกับรายได้ของบริษัท จึงจำเป็นต้องหารายได้ทางอื่นมาเสริม ไม่ว่าจะเป็นจากธุรกิจโรงแรม อสังหาริมทรัพย์'