รอข่าวดีอยู่..หญิงไทยในอู่ฮั่น เผย!ตอนนี้รู้สึกไม่ปลอดภัยแล้ว วอนรัฐบาลช่วยพากลับบ้าน
สำนักข่าวเอเอฟพีเผยแพร่บทสัมภาษณ์ 'อภิญญา ทาศรีเพชร' ผู้หญิงไทยที่ตกค้างอยู่ในเมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ยของจีน ซึ่งเป็นศูนย์กลางการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือ 2019-nCoV วอนหน่วยงานรัฐบาลไทยประสานงานช่วยคนไทยในอู่ฮั่นกลับบ้าน เพราะรู้สึกว่าสถานการณ์ไม่ปลอดภัยแล้ว อีกทั้งอาหารและของใช้ที่จำเป็นเริ่มขาดแคลน ในอนาคตอาจจะหาซื้อไม่ได้
"ตอนนี้รู้สึกไม่ปลอดภัยแล้วค่ะ กังวล เครียดทุกวัน อยากจะกลับไทยเร็วๆ แล้ว อยากจะให้หน่วยงานของทางรัฐบาลไทยเรารีบเร่งประสานงานเพื่อที่จะช่วยทุกคนในหูเป่ย-อู่ฮั่น ให้ได้กลับบ้าน ได้กลับเมืองไทยของเราค่ะ เพราะว่าในระยะอันใกล้นี้ ในระยะ 2-3 วันนี้ คิดว่าอาหารก็น่าจะเริ่มขาดแคลนแล้ว ผ้าปิดจมูกก็เริ่มจะหาซื้อไม่ได้แล้ว"
"ก็คือทำได้ดีที่สุดตอนนี้ก็คือ พยายามไม่ป่วย พยายามดูแลสุขภาพของตัวเอง ไม่ออกไปไหน แต่ก็รอค่ะ ก็หวังว่าจะได้รับข่าวดีจากรัฐบาลไทยในเร็วๆ นี้ค่ะ ช่วยพวกเราด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ"
ทั้งนี้ รัฐบาลจีนประกาศปิดเมืองอู่ฮั่นและอีกหลายเมืองในมณฑลหูเป่ยด้วยการสั่งระงับเส้นทางรถไฟและการเดินทางระหว่างเมืองในประเทศ รวมถึงปิดสนามบินนานาชาติ ตั้งแต่วันที่ 23 ม.ค. เพื่อควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา ทำให้ชาวเมืองอู่ฮั่นและชาวต่างชาติตกค้างอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวเป็นจำนวนมาก รัฐบาลหลายประเทศจึงต้องประสานงานกับทางการจีนเพื่อนำตัวพลเมืองของตนกลับประเทศ
ในช่วง 2 วันที่ผ่านมา ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา และสิงคโปร์ ส่งเครื่องบินไปอพยพพลเมืองออกจากอู่ฮั่นได้แล้วบางส่วน ขณะที่เกาหลีใต้ ฝรั่งเศส ตุรกี ส่งเครื่องบินไปยังอู่ฮั่นแล้ว คาดว่าจะอพยพคนได้ในสัปดาห์นี้ ส่วนรัฐบาลอังกฤษรับพลเมืองอังกฤษ 83 คน และพลเมืองประเทศอื่นๆ 27 คน รวมเป็น 110 คน เดินทางออกจากเมืองอู่ฮั่นช่วงเช้าวันที่ 31 ม.ค.ตามเวลาท้องถิ่นจีน ตรงไปยังกรุงลอนดอนของอังกฤษ
ขณะที่คณะกรรมาธิการสาธารณสุขจีนเปิดเผยสถิติผู้เสียชีวิตจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในประเทศ เพิ่มเป็น 213 ราย และผู้ติดเชื้อที่ได้รับการยืนยันมีจำนวน 9,692 ราย วันนี้ (31 ม.ค.2563) ส่วนผู้ป่วยที่รักษาตัวจนหายดี มีทั้งหมด 171 ราย แต่การแพร่ระบาดขยายวงออกไปใน 21 ประเทศและเขตปกครองทั่วโลก โดยพบว่ามีการติดต่อจากคนสู่คนในเวียดนาม ญี่ปุ่น และเยอรมนี และเมื่อวานนี้ (30 ม.ค.) มีประเทศที่พบผู้ติดเชื้อรายแรกเพิ่มเติมด้วย ได้แก่ อิตาลี ฟิลิปปินส์ และอินเดีย