ไขปริศนาโรคสะพรึงกว่า “โคโรนา” หมอแนะถ้าจะรอด แค่หน้ากากไม่พอ
หน้าแรกTeeNee ที่นี่ข่าววันนี้, ข่าวหน้าหนึ่ง ข่าวอื่นๆ ไขปริศนาโรคสะพรึงกว่า “โคโรนา” หมอแนะถ้าจะรอด แค่หน้ากากไม่พอ
วันที่ 27 ม.ค. 63 ทางการจีนแถลงความคืบหน้าสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ ที่มีต้นตอการระบาดจากเมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ยของจีน ล่าสุด ยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นอย่างน้อย 81 ราย และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น
ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ ราชบัณฑิต หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ให้ข้อมูลว่า หากเปรียบเทียบระหว่างโรคซาร์ส โรคเมอร์ส และโคโรนา อยู่ในกลุ่มของโคโรนา หรือเรียกว่า "โคโรนากรุ๊ป" ซึ่งที่มาของการตั้งชื่อเนื่องจากเมื่อประมาณ 80 ปีก่อน การส่องดูเชื้อไวรัสจะใช้กล้องอิเล็กตรอนขยายภาพดู และพบว่าเชื้อไวรัสดังกล่าว มีรูปร่างคล้ายกับมงกุฏ ซึ่งภาษาอังกฤษ corona แปลว่า มงกุฎ โดยเชื้อไวรัสนี้สามารถก่อโรคได้ ทั้งในสัตว์ และคน และอีกหลากหลายชนิด
โดยโรคซาร์ส เกิดขึ้นเมื่อปี 2003 จะทำให้มีอาการปอดบวม ถึงขั้นเสียชีวิตได้ และโรคเมอร์ส จะทำให้ปอดบวม และทำให้ทางเดินหายใจอักเสบ ทางด้านของความรุนแรง โรคเมอร์ส จะมีความรุนแรงที่สุด มีโอกาสทำให้เสียชีวิต ร้อยละ 30 % และโรคซาร์ส มีโอกาสทำให้เสียชีวิต ร้อยละ 10 % โดยทั้งซาร์สและเมอร์ส จะมีโอกาสเสียชีวิตเพิ่มขึ้น ในกลุ่มคนที่มีอายุมากขึ้น
นอกจากนี้ เมื่อเดือน ธ.ค. 2019 ได้ถือกำเนิดไวรัสตัวที่ 7 ซึ่งเป็นไวรัสตัวใหม่ขึ้นมา คือ โคโรนาไวรัส หรือ ไวรัสสายพันธุ์ใหม่ 2019 เมื่อเปรียบเทียบพันธุกรรมจะมีความใกล้เคียงกับค้างคาว แต่เชื้อโรคไม่ได้มาจากค้างคาว ส่วนเมอร์ส เชื้อไวรัสมาจากอูฐ และซาร์ส มาจากสัตว์ในกลุ่มชะมด หรือ อีเห็น
ในส่วนของไวรัสสายพันธุ์ใหม่นั้นจะมีความรุนแรงน้อยกว่า แต่แพร่กระจายได้มากกว่า เนื่องจากผู้ป่วยบางคนแทบจะไม่มีอาการ และสามารถเดินไปไหนก็ได้ เดินทางไกลจากประเทศจีนมาประเทศไทยก็ได้ เป็นเหตุให้เกิดการแพร่ระบาดในวงกว้าง
ในกรณีของการติดเชื้อ โคโรนาไวรัส หรือ ไวรัสสายพันธุ์ใหม่ 2019 หากเดินสวนกันไม่สามารถติดต่อได้ แต่จะติดต่อจากการสัมผัสละอองไอของผู้ป่วย หรือบริเวณที่มีเยื่อบุ จับวัตถุเปื้อนน้ำลาย ทั้งนี้ การสวมหน้ากากอนามัยช่วยป้องกันได้ 10% และหากผู้ป่วยใช้หน้ากากอนามัยจะลดการแพร่เชื้อได้ถึง 90%
โดยวิธีป้องกันเชื้อโรคทำได้ง่าย ๆ คือ กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ จะช่วยลดการระบาดของโรค เพราะไวรัสโดนความร้อนก็ตาย
หากบุคลากรทางการแพทย์ หรือบุคคลที่อยากจะใส่หน้าอนามัยเพื่อป้องกันโรค ซึ่งหน้ากากอนามัยที่ป้องกันได้ดีที่สุด คือ หน้ากาก N95 โดยวิธีการใส่ที่ถูกต้องจะต้องใส่หน้ากากให้แนบเนื้อ ไม่ให้มีลมออกไป แต่จะมีอุปสรรคคือ ทำให้หายใจลำบากกว่า มีโอกาสน้อยมากที่จะเกิดโรคแทรกซ้อน
" ประกาศ "
ร่วมแสดงความคิดเห็น