ชัยวัฒน์ รอด อัยการสั่งไม่ฟ้อง คดีอุ้มฆ่าบิลลี่ ส่งคืนสำนวน 17 แฟ้ม โดนแค่ข้อหาเบา!
หน้าแรกTeeNee ที่นี่ข่าววันนี้, ข่าวหน้าหนึ่ง ข่าวอื่นๆ ชัยวัฒน์ รอด อัยการสั่งไม่ฟ้อง คดีอุ้มฆ่าบิลลี่ ส่งคืนสำนวน 17 แฟ้ม โดนแค่ข้อหาเบา!
วันที่ 24 ม.ค. ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) แหล่งข่าวจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 23 ม.ค.ที่ผ่านมา สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 1 โดยนายชวรัตน์ วงศ์ธนสมบูรณ์ อัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 1 ส่งหนังสือด่วนที่สุดถึงอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อส่งคืนสำนวนการสอบสวนจำนวน 17 แฟ้ม
ในคดีที่ดีเอสไอมีความเห็นสั่งฟ้อง นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน กับพวกรวม 4 คนในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน (นายพอละจี รักจงเจริญ หรือบิลลี่ แกนนำกะเหรี่ยงบ้านโป่งลึก–บางกลอย) และความผิดฐานอื่นๆ ซึ่งพนักงานอัยการได้พิจารณาสำนวนคดีดังกล่าวแล้วมีความเห็นสั่งไม่ฟ้องนายชัยวัฒน์ ผู้ต้องหาที่ 1
นายบุญแทน บุษราคัม ผู้ต้องหาที่ 2 นายธนเสฎฐ์ หรือ ไพฑูรย์ แช่มเทศ ผู้ต้องหาที่ 3 และนายกฤษณพงษ์ จิตต์เทศ ผู้ต้องหาที่ 4 ในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน เพื่อจะเอาหรือเอาไว้ ซึ่งผลประโยชน์อันเกิดจากการที่ตนได้กระทำความผิดอื่น เพื่อปกปิดความผิดอื่นของตน หรือเพื่อหลีกเลี่ยง ให้พ้นอาญาในความผิดอื่นที่ตนได้กระทำไว้ ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่นหรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกายเป็นเหตุให้ผู้ถูกหน่วงเหนี่ยวกักขังหรือต้องปราศจากเสรีภาพในร่างกายนั้นถึงแก่ความตาย,
ร่วมกันโดยมีอาวุธข่มขืนใจผู้อื่นให้ยอมหรือยอมจะให้ตนหรือผู้อื่นได้ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สินโดยใช้กำลังประทุษร้ายหรือโดยขู่เข็ญว่าจะทำอันตรายต่อชีวิตร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียง หรือหรือทรัพย์สินของผู้ถูกขู่เข็ญหรือของบุคคลที่สาม , ร่วมกันปล้นทรัพย์ โดยมีอาวุธปืน โดยใช้ยานพาหนะเพื่อกระทำความผิดติดตัวไปด้วย เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
,ร่วมกันโดยทุจริตหรือเพื่ออำพรางคดีกระทำการใดใดแก่ศพหรือสภาพแวดล้อมในบริเวณที่พบศพก่อนการชันสูตรพลิกศพในประการที่น่าจะทำให้การชันสูตรพลิกศพหรือผลทางคดีเปลี่ยนแปลงไป , ร่วมกันเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต
, ร่วมกันเป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบข่มขืนใจให้บุคคลใดมอบให้หรือหามาให้ซึ่งทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดแก่ตนเองหรือผู้อื่นตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83 ,147, 148, 289(4) (7),309, 337, 340 ตรี และป.วิอาญา มาตรา 150 ทวิ
รายงานข่าวเปิดเผยอีกว่า อัยการฝ่ายคดีพิเศษ 1 คงมีความเห็นสั่งฟ้องนายชัยวัฒน์กับพวก ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ มาตรา 157 กรณียึดน้ำผึ้งป่าของบิลลี่ แล้วปล่อยตัวไปโดยไม่นำตัวส่งให้ตำรวจดำเนินคดีในข้อหาลักของป่า ทั้งนี้ทางพนักงานสอบสวนดีเอสไอได้สั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้งหมดในคดีฆาตกรรมนายพอละจี จำนวน 8 ข้อกล่าวหา
ด้าน นายสุรพงษ์ กองจันทึก ประธานมูลนิธิผสานวัฒนธรรม ในฐานะทนายความ กล่าวว่า แม้พนักงานอัยการจะมีคำสั่งไม่ฟ้อง นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานและพวกอีก 3 คนในข้อหาฆาตกรรมและข้อหากักขังหน่วงเหนี่ยวนายพอละจี รักจงเจริญหรือ”บิลลี่”
แต่ยังมีข้อหาอื่นๆอีก ซึ่งต้องให้พนักงานสอบสวนดีเอสไอทำตามอำนาจหน้าที่ โดยให้ทำความเห็นแย้งไปยังอัยการสูงสุด หลังจากนั้นต้องรอดูว่าอัยการสูงสุดจะมีความเห็นอย่างไร จะสั่งฟ้องหรือไม่ เพราะคดีฆาตกรรมบิลลี่ ไม่ได้ผูกโยงกับเฉพาะกระบวนการยุติของธรรมไทยเท่านั้น
แต่ยังเป็นที่จับตาของสากลโลกด้วย ซึ่งตนเชื่อว่าอัยการสูงสุดจะให้ความเป็นธรรมในคดีนี้ และคงต้องเรียกสำนวนทั้งหมดมาพิจารณาตามข้อเท็จจริงว่า บิลลี่หายตัวไปอย่างไร มีการควบคุมตัวโดยไม่ปล่อยหรือไม่ และขณะนั้นบิลลี่อยู่ในความควบคุมของใคร อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าอัยการสูงสุดคงไม่ปล่อยให้คดีบิลลี่หายไปอย่างไม่มีเหตุผล
นายสุรพงษ์ กล่าวอีกว่า ส่วนการฟ้องร้องนายชัยวัฒน์กับพวกนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะให้ผู้เสียหาย คือ น.ส.พิณนภา พฤกษาพรรณ หรือ”มึนอ” ยื่นฟ้องเพื่อดำเนินคดีอาญาเองหรือไม่ แต่ในส่วนของตนได้มีการเตรียมเอกสารหลักฐานและข้อมูลไว้บ้างแล้ว ระหว่างนี้ยังมั่นใจว่า ดีเอสไอต้องทำความเห็นแย้งและยืนยันความเห็นสั่งฟ้องไปทุกข้อหาความผิดไปยังอัยการสูงสุด
" ประกาศ "
ร่วมแสดงความคิดเห็น