“วิ่งไล่ลุง”คนล้นธนาธรปัดส่งสัญญาณรบ.เมินยุบพรรค
หน้าแรกTeeNee ที่นี่ข่าววันนี้, ข่าวหน้าหนึ่ง ข่าวอื่นๆ “วิ่งไล่ลุง”คนล้นธนาธรปัดส่งสัญญาณรบ.เมินยุบพรรค
บรรยากาศตั้งแต่เช้าประมาณตี 4 ที่ผ่านมา มีประชาชนที่สมัครเข้าร่วมกิจกรรม และทีมงานมารอที่ประตูทางเข้าสวนรถไฟตั้งแต่เช้ามืด โดยจับกลุ่มพูดคุยถึงการจัดกิจกรรมและวัตถุประสงค์ของการวิ่ง จากนั้นเวลาตี 5 ทีมสวนรถไฟได้เปิดเหล็กกั้นให้ผู้จัดงาน และทีมสต๊าฟอาสาสมัคร เข้ามาบริเวณด้านใน ตามด้วยผู้เข้าร่วมกิจกรรม โดยจะต้องผ่านจุดคัดกรองเป็นแถวเรียงหนึ่งเพื่อเดินผ่านเครื่องสแกนตรวจอาวุธ และตรวจกระเป๋าทุกคนที่เดินทางเข้ามาภายในสวน
ต่อมาเมื่อเข้ามาด้านในผู้เข้าร่วมกิจกรรมวิ่งไล่ลุงที่ยังไม่ได้ลงทะเบียนรับบิบ หรือ ตัวเลขประจำตัว ก็สามารถมาต่อแถวรับบิบได้ โดยส่วนการวิ่งในครั้งนี้จะแบ่งเป็น 2 รอบ โดยบิบสีชมพูคนที่ลงทะเบียน 600 บาท จะได้วิ่งรอบแรก 7 โมงเช้า ส่วนคนที่ลงทะเบียนฟรี หรือไม่ได้ลงทะเบียนจะเริ่มวิ่งเวลา 8 โมงเช้า
ทั้งนี้ สำหรับการรักษาความปลอดภัย และการดูแลความเรียบร้อย มีเจ้าหน้าที่ตำรวจนครบาล 2 และพื้นที่ สน.บางซื่อ 155 นาย ตำรวจสืบสวน 70 นาย ตำรวจหญิง 9 นาย เจ้าหน้าที่เทศกิจ 95 นาย และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอีกประมาณ 40 นาย รวมใช้กำลังประมาณ 475 นาย ในการดูแลความเรียบร้อยวันนี้ โดยมีการปล่อยแถวตำรวจเข้าพื้นที่ตั้งแต่เช้า และกำชับให้ดูแลผู้ร่วมวิ่ง หากพบการกระทำที่สุ่มเสี่ยงผิดกฎหมายก็ให้เน้นการเจรจาเป็นหลัก
งาน”วิ่งไล่ลุง”เป็นไปอย่างคึกคัก ก่อนปล่อยตัววิ่งประชาชนชู 3 นิ้ว พร้อมส่งเสียงตะโกน “ประยุทธ์ออกไป”
บรรยากาศกิจกรรม “วิ่งไล่ลุง”ที่ สวนรถไฟ ในวันนี้ มีประชาชนให้ความสนใจเข้าร่วมกิจกรรมอย่างคึกคัก โดยส่วนใหญ่ก็มารอเตรียมตัวที่จะเข้าพื้นที่ตั้งแต่ก่อนเวลาเปิดประตูในเวลา 05.00 น. และทุกคนที่เข้ามาภายในสวนรถไฟ จะต้องผ่านผ่านจุดคัดกรอง โดยมีเครื่องตรวจจับอาวุธและการตรวจค้นจากเจ้าหน้าตำรวจจากนครบาล 2 สน.บางซื่อ และเทศกิจ กว่า 475 นาย มาคอยดูแลความปลอดภัยรอบพื้นที่
ซึ่งนักวิ่งมาที่มาร่วมกิจกรรมในวันนี้มี 2 ส่วน คือ นักวิ่งที่ลงทะเบียนล่วงหน้า ประมาณ 10,000 คน ซึ่งจะมีเบอร์ติดอยู่ด้านหน้า แบบเสียค่าสมัครและจะปล่อยตัวในเวลา 07.00น. และนักวิ่งที่ไม่ลงทะเบียน หรือผู้ที่มาร่วมวิ่งโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ปล่อยตัวใน เวลา 08.15 น. ซึ่งในระหว่างปล่อยตัวนักวิ่งต่างพร้อมใจกันชู 3 นิ้ว เป็นสัญลักษณ์ต่อต้านเผด็จ พร้อมส่งเสียงตะโกนว่า “ประยุทธ์ ออกไป” อยู่เป็นระยะ
อย่างไรก็ตาม นอกเหนือจากประชาชนแล้ว ยังมีนักกิจกรรม และนักการเมืองมาร่วมวิ่งในครั้งนี้ด้วย นำโดย นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ที่พาภรรยาและลูกๆ หลานๆ นายจอร์น วิญญู นางสาวพรรณิการ์ วานิช ส.ส. บัญชีรายชื่อและโฆษกพรรคอนาคตใหม่ มาร่วมวิ่งด้วย
นอกเหนือ จัดกิจกรรมที่สวนรถไฟภายในกรุงเทพมหานครแล้ว ยังมีการจัดกิจกรรม “วิ่งไล่ลุง “ ควบคู่กันไปทุกภูมิภาค ซึ่งภายหลังเสร็จสิ้นกิจกรรมแล้วผ่านแกนนำยังเตรียมที่จะประกาศกิจกรรมในครั้งต่อไปซึ่งจะเพิ่มแรงกดดันให้กับรัฐบาลมากขึ้น
“ธนาธร”ยัน “วิ่งไล่ลุง”ไม่ใช่จุดเริ่มต้นม็อบการเมือง
นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ กล่าวว่า รู้สึกตื่นเต้นกับกิจกรรมในครั้งนี้มาก ที่ประชาชนมาร่วมกิจกรรมอย่างล้นหลาม ซึ่งแสดงให้เห็นว่าประชาชนตื่นตัวและเข้าใจสถานการณ์การเมืองในปัจจุบันว่ามีลุงเป็นตัวฉุดรั้งการเจริญก้าวหน้าของประเทศ จึงได้มาแสดงพลังกันในวันนี้
ส่วนจะเป็นการส่งสัญญาณอะไรให้รัฐบาลหรือไม่นั้น ยืนยันว่า ตนเองและพรรคอนาคตใหม่ ขอเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันกับประชาชนที่ต้องการเห็นประเทศก้าวหน้า และต้องการเห็นประเทศเปลี่ยนแปลง พร้อมเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ยุติการคุกคามคนเห็นต่างทางประชาธิปไตย และให้เปิดกว้างรับฟังความคิดเห็นของประชาชน พร้อมย้ำว่า กิจกรรม วิ่งไล่ลุง ในวันนี้ ไม่ใช่จุดเริ่มต้นของม็อบทางการเมือง เพราะม็อบมีมานานแล้ว ที่รายรอบอยู่ทำเนียบรัฐบาล
นายธนาธร ยังไม่ขอแสดงความคิดเห็นว่ากิจกรรมวิ่งไล่ในวันนี้จะกระทบกับพรรคอนาคตใหม่โดยเฉพาะการนัดฟังคำตัดสินยุบพรรคอนาคตใหม่ ของศาลรัฐธรรมนูญ ในวันที่ 21 มกราคมนี้
นายธนาธร ได้ตอบสื่อต่างประเทศ ว่า ตนเองอยากเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ และคิดว่านี่ก้าวแรกของการกลับสู่ประชาธิปไตยของประเทศไทย คือ พล.อ.ประยุทธ์ ออกไป เพื่อเปิดประตูให้ประชาธิปไตยกลับคืนมา โดยได้พูดกับประชาชนที่มาร่วมงานวันนี้ว่า นี่คือช่วงเวลาแห่งการยืนหยัดต่อสู้ เวลาที่เราต้องทำงานร่วมกัน เพื่อเป้าหมายเดียวกัน พร้อมภูมิใจมากกับคนไทย ที่พวกเขาต้องการปกป้อง อนาคตของเด็กๆในประเทศนี้
ส่วนการจัดงาน เดินเชียร์ลุง ที่สวนลุมพินี นายธนาธร กล่าวว่า ไม่รู้ และไม่รู้ว่ามีคนมาเท่าไร เพราะไม่ได้อยู่ในจุดที่ให้คอมเมนต์เรื่องนี้ได้
ทั้งนี้ ยังกล่าวว่า ประชาชนตระหนักรู้ถึงความเป็นเผด็จการที่เกิดขึ้น สถานการณ์การเมืองตอนนี้ แสดงให้เห็นว่าประชาชนมีความกลมเกลียวร่วมกัน แสดงให้เห็นว่า เวลาของเผด็จการกำลังจะสิ้นสุดลงแล้ว”
" ประกาศ "
ร่วมแสดงความคิดเห็น