นัดถกตัวแทนซาเล้ง แก้ปัญหาราคาขยะตกต่ำ เหลือกิโลละแค่ 1.50 บาท

นายกีรติ รัชโน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ (คต.) กล่าวว่า ในวันที่ 9 ม.ค.2563 กรมจะประชุมเพื่อรับฟังข้อเสนอของผู้ที่ได้รับผลระทบจากปัญหาราคาขยะตกต่ำ (กระดาษ) จากการอนุญาตให้มีการนำเข้าขยะจากต่างประเทศ โดยจะหารือเพื่อให้ได้ข้อมูลครบทุกด้านก่อนกำหนดแนวทางช่วยเหลือ ทั้งตัวแทนซาเล้งผู้นำเข้าและโรงงานรีไซเคิลว่าใครเป็นผู้ได้ประโยชน์สูงสุดจากธุรกิจนี้ กำไรอยู่ที่เท่าไหร่ เพื่อกำหนดหาแนวทางช่วยเหลือที่เหมาะสมต่อไป

ทั้งนี้กรมย้ำว่ากระทรวงพาณิชย์เป็นหน่วยงานปลายทางเท่านั้น แต่หน่วยงานหลักคือ กระทรวงอุตสาหกรรมและกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แต่เนื่องจากทั้งสองหน่วยงานไม่มีกฎหมายนำเข้าและส่งออก จึงมาอาศัยกฎหมายของกระทรวงพาณิชย์ในการนำเข้าและส่งออกสำหรับกระทรวงพาณิชย์จะดูในประเด็นของราคาตกเท่านั้น ซึ่งเศษกระดาษเป็นกลุ่มแรกที่มีการเรียกร้องให้แก้ไขเพราะกระทบกับรายได้ของผู้ประกอบอาชีพเก็บของเก่าขาย

"มาตรการที่กรมจะดำเนินการถือเป็นมาตรการระยะสั้นที่ต้องเร่งแก้ไขปัญหาให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบ จากการนำเข้าขยะมาในประเทศไทย ซึ่งไม่ได้มีแค่กระดาษเท่านั้น ซึ่งการแก้ไขปัญหาระยะยาวมีหลายวิธีเช่น การออกมาตรการเซฟการ์ดกับสินค้าขยะที่นำเข้ามา การออกกฎหมายให้กระทรวงที่เกี่ยวข้องให้มีอำนาจในการนำเข้า-ส่งออกได้โดยไม่ต้องผ่านกรมการค้าต่างประเทศเพราะกรมไม่มีความรู้เรื่องขยะหรือการแยกประเภทขยะซึ่งการออกมาตรการเซฟการ์ดหรือการออกกฎหมายนั้นใช้เวลาดำเนินการนาน จึงต้องใช้วิธีแก้ไขปัญหาร่วมกันกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องไปก่อน เพื่อให้ผู้ประกอบการไทยไม่เดือดร้อนมากไปกว่านี้" นายกีรติกล่าว

ทั้งนี้ ขยะที่นำเข้ามาส่วนใหญ่จะนำไปรีไซเคิลเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ โดยปริมาณนำเข้าเศษกระดาษปี 2562 ตั้งแต่เดือนม.ค.-ต.ค.มีปริมาณ 1.5 ล้านตันคิดเป็นมูลค่า 6,631 ล้านบาท เพิ่มจากปี 2561 ที่มีการนำเข้าทั้งปีอยู่ที่ 1.4 ล้านตันคิดเป็นมูลค่า 7,790 ล้านบาท ซึ่งปริมาณนำเข้าที่เพิ่มขึ้นส่งผลให้ราคาเศษกระดาษลดลงจากปี 2561 ราคาเฉลี่ยอยู่ที่กิโลกรัมละ 3 บาท แต่ราคาเฉลี่ยปี 2562 อยู่ที่กิโลกรัมละ 1.50-2 บาทเท่านั้น สำหรับประเทศที่ไทยมีการนำเข้าเศษกระดาษมากที่สุดคือสหรัฐอเมริกา 24% รองลงมาอิตาลี 11% ญี่ปุ่น 7% เนเธอร์แลนด์ 6% และออสเตรเลีย 5.8 %

นายกีรติ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้กรมฯได้ออกประกาศเรื่องกำหนดให้ขยะเทศบาลเป็นสินค้าที่ต้องห้ามนำเข้าและห้ามนำผ่านราชอาณาจักรพ.ศ.2562 เช่น ของเสียที่รวบรวมจากบ้านเรือนโรงแรมภัตตาคารโรงพยาบาลร้านค้าสำนักงานบนถนนบนทางเท้าของเสียจากการก่อสร้างรื้อถอนของชำรุดหรือของทิ้งอื่นแต่ไม่รวมเศษกระดาษเศษเหล็กและวัตถุหรือของอย่างเดียวกันที่คัดแยกออกจากของเสียดังกล่าวแล้วมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่13 ก.ค.ที่ผ่านมาและในปี2563 กรมการค้าต่างประเทศเตรียมประกาศกำหนดให้ขยะอิเล็กทรอนิกส์เป็นสินค้าที่"ต้องห้าม" ในการนำเข้าตามพ.ร.บ.ว่าด้วยการส่งออกและนำเข้ามาในราชอาณาจักรพ.ศ. 2522 หลังจากที่กรมได้เปิดรับความเห็นทุกภาคไปแล้วตั้งแต่วันที่20 พ.ย.-12 ธ.ค.2562 ที่ผ่านมา