เปิดแชมป์ 10 เศรษฐีหุ้นไทย ปีนี้ใครรวยสุดๆ ครองบัลลังก์แสนล้าน
สำหรับผลการจัดอันดับเศรษฐีหุ้นไทยปี 2562 ในวารสารการเงินธนาคาร ฉบับเดือนธันวาคม 2562 ปรากฏว่า ทำเนียบเศรษฐีหุ้นไทยปี 2562 ได้ต้อนรับแชมป์เศรษฐีหุ้นไทยคนใหม่ สารัชถ์ รัตนาวะดี กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ หรือ GULF
โดยสารัชถ์ถือครองหุ้นมูลค่าสูงสุดเป็นอันดับ 1 รวม 120,960 ล้านบาท รวยเพิ่มขึ้น 63,315 ล้านบาท หรือ 109.84% ซึ่งหุ้นที่สารัชถ์ถือครองมีเพียง 1 บริษัทคือ GULF โดยถือหุ้นสูงเป็นอันดับ 1 ในสัดส่วน 35.44%
ในช่วงเวลาไม่ถึง 2 ปีที่ GULF เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ราคาหุ้น GULF ได้ปรับตัวขึ้นอย่างร้อนแรง จากราคาเสนอขายประชาชนครั้งแรก (IPO) ที่ 45 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 76.25 บาท ณ 30 กันยายน 2561 และทะยานขึ้นมาอยู่ที่ 160 บาท ณ 30 กันยายน 2562 ซึ่งเป็นวันที่ใช้คำนวณมูลค่าความมั่งคั่งเศรษฐีหุ้นไทยปี 2562
โดยราคาปรับเพิ่มขึ้นถึง 83.75 บาท หรือ 109.84% ส่งผลให้สารัชถ์ผู้ถือหุ้นอันดับ 1 ของ GULF ก้าวขึ้นมาเป็นแชมป์เศรษฐีหุ้นไทยปี 2562 หลังจากเข้ามาเป็นเศรษฐีหุ้นอันดับ 2 เมื่อปีที่แล้ว
ความมั่งคั่งของหมอเสริฐที่ลดลงในปีนี้ เนื่องมาจากหุ้นที่หมอเสริฐถือครองทั้ง 3 บริษัท คือ บมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ (BDMS), บมจ.การบินกรุงเทพ (BA) และบมจ.โรงพยาบาลนนทเวช (NTV) ราคาตกลงจากปีที่แล้ว โดยหมอเสริฐเป็นแชมป์เศรษฐีหุ้นไทย 6 ปีติดต่อกันตั้งแต่ปี 2556-2561
นอกจากพอร์ตหุ้นที่ลงทุนมาอย่างต่อเนื่องแล้ว ปีนี้นิติยังถือครองหุ้น บมจ.โอสถสภา (OSP) ซึ่งเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2561 โดยนิติเป็นผู้ถือหุ้นอันดับ 2 ในสัดส่วน 16.28%
เศรษฐีหุ้นอันดับ 5 ได้แก่ สมโภชน์ อาหุนัย เจ้าของ บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ (EA) กิจการธุรกิจพลังงาน จำหน่ายน้ำมันไบโอดีเซล และจำหน่ายกระแสไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ หล่นจากอันดับ 3 เมื่อปีที่แล้ว โดยมีมูลค่าหุ้นที่ถือครองรวม 42,084.25 ล้านบาท ลดลง 125.16 ล้านบาท หรือ 0.30%
เศรษฐีหุ้นอันดับ 6 ได้แก่ วนรัชต์ ตั้งคารวคุณ กรรมการกลุ่มบริษัท ทีโอเอ ทายาทคนโตของอาณาจักรสี TOA โดยมีมูลค่าหุ้นที่ถือครอง 41,055.30 ล้านบาท รวยเพิ่มขึ้น 34,162.15 ล้านบาท หรือ 495.60% จากการเข้าลงทุนเพื่อเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยอ้อม (Backdoor Listing) ใน บมจ.สยามอินเตอร์มัลติมีเดีย (SMM) เมื่อเดือนกรกฎาคม 2562 ซึ่งปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น บมจ.สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น (STARK) เพื่อทำธุรกิจผลิตและจำหน่ายสายไฟฟ้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยวนรัชต์เป็นผู้ถือหุ้นอันดับ 1 ใน STARK ที่ 73.37%
เศรษฐีหุ้นอันดับ 9 ได้แก่ พิชญ์ โพธารามิก ทายาทคนเดียวของอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ อดิศัย โพธารามิก ผู้ก่อตั้ง บมจ.จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล (JAS) ถูกเบียดลงมาจากอันดับ 8 เมื่อปีที่แล้ว โดยถือหุ้นมูลค่ารวม 32,596.74 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,677.46 ล้านบาท หรือ 12.72%
เศรษฐีหุ้นอันดับ 10 ได้แก่ อนันต์ อัศวโภคิน เจ้าของอสังหาฯ ยักษ์ใหญ่ บมจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ร่วงจากอันดับ 6 เมื่อปีที่แล้ว โดยถือครองหุ้นมูลค่ารวม 27,469.19 ล้านบาท ลดลง 5,431.16 ล้านบาท หรือ 16.51%
โดยเจ้าสัวเจริญและคุณหญิงวรรณาถือหุ้น SEG สูงสุดเป็นอันดับ 1 ในสัดส่วนเท่ากันที่ 37.38% ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่ปรากฏชื่ออย่างเป็นทางการในฐานะผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ
สำหรับทำเนียบเศรษฐีหุ้นไทยในปี 2563 น่าจะได้เห็นความมั่งคั่งของเจ้าสัวเจริญและคุณหญิงวรรณาเพิ่มขึ้นอีกมหาศาล จากการนำ บมจ.แอสเสท เวิรด์ คอร์ป (AWC) Holding Company ที่ถือหุ้นในกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของ "ทีซีซี กรุ๊ป" เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2562 ด้วยมูลค่า IPO รวม 185,742 ล้านบาท สูงสุดในประวัติศาสตร์ตลาดหุ้นไทย ซึ่งเจ้าสัวเจริญถือหุ้นเป็นอันดับ 2 ในสัดส่วน 25.12% และคุณหญิงวรรณาถือหุ้นอันดับ 3 ในสัดส่วน 19.77%