เดินหน้าเต็มที่! “วีระ” แจ้งความ ทวี พ่อ“ปารีณา” รุกป่าอีกฝั่งเขา กว่าพันไร่ไว้เลี้ยงวัว
นายวีระ เปิดเผยว่า นำหลักฐานที่ได้รับจากประชาชนในพื้นที่ และเอกสารข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งตนได้พาพนักงานสอบสวนไปลงพื้นที่ตรวจสอบชี้จุดที่มีการบุกรุก และมีการครอบครองมาหลายสิบปี หลักฐานทั้งหมดนี้ไม่ใช่ว่าตนไปทำเอง แต่เป็นการกระทำที่นายทวี ทำขึ้นมานานแล้ว ในขณะที่ตนพาพนักงานสอบสวนไปตรวจสอบชี้จุดที่มีการบุกรุก ก็ได้รับข้อมูลจากชาวบ้าน ซึ่งชาวบ้านก็ยืนยันว่าเป็นที่ของนายทวี ที่เข้าไปครอบครองที่ดินเกือบ 40 ปีแล้ว
นายวีระ กล่าวอีกว่า กรณีที่ น.ส.ปารีณา จะไปแจ้งความดำเนินคดีกับตนในฐานความผิด แจ้งความอันเป็นเท็จ ทั้งที่รู้ว่ามิได้มีการกระทำผิดเกิดขึ้น เป็นการแจ้งความเพื่อจะแกล้งให้ตนต้องรับโทษทางอาญา และในฐานความผิด หมิ่นประมาท ใส่ความโดยการโฆษณา ทางสื่อสารมวลชนโดยมุ่งหมายให้ตนได้รับความเสียหายต่อชื่อเสียง อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 172 , 173, 174, และ 326, 328 ตนถือว่าเป็นสิทธิของ น.ส.ปารีณา ตนอยากให้ประชาชนรอดูต่อไปในอีกไม่นานความจริงก็จะปรากฏ สำหรับตนไม่ได้มีปัญหาอะไร ก็ว่ากันไปตามกระบวนการกฎหมาย
ส่วนที่นางสาวปารีณา ยื่นหนังสือถึงประธานคณะกรรมการ ป.ป.ช. เพื่อแจ้งขอแก้ไขรายการในบัญชีหนี้สินทรัพย์สิน โดยอ้างว่าเกิดความคลาดเคลื่อน และซ้ำซ้อน ในเอกสาร ภ.บ.ท.5 ที่ได้ยื่นเสียภาษี ในปี 2549 ได้แจ้ง ป.ป.ช. ซ้ำซ้อนกับเอกสาร ภ.บ.ท.5 ที่ยื่นเสียภาษีในปี 2553 ทำให้จำนวนเนื้อที่ดินเพิ่มขึ้นเป็น 1,000 กว่าไร่ ทั้งที่ที่ดินแปลงดังกล่าวมีเนื้อที่รวมประมาณ 600 กว่าไร่ ตนคิดว่าเรื่องนี้ยังยุติไม่ได้ จะต้องมีการตรวจสอบให้แน่ชัดเจ้าหน้าที่ที่มีหน้าที่ในการตรวจสอบ ก็คือป่าไม้ เนื้อที่ทั้งหมดมีเท่าไหร่ ป่าไม้ และทาง ส.ป.ก. จะต้องมาสรุปให้แน่ชัดและชัดเจนขึ้น