ถวายอารักขาโป๊ป ระดมตำรวจ 6,000นาย
โดยจะใช้หลักการปิดช้าระหว่างที่ใกล้เสด็จถึงบริเวณที่ผ่าน และเปิดให้รวดเร็วเพื่อไม่ให้การจราจรติดขัด ซึ่งจะใช้เส้นทางด่วนโทลเวย์ เชื่อมต่อทางด่วนไปลงยังถนนพระราม 4
จากนั้นจะเบี่ยงซ้ายเข้าถนนสาทร เพื่อเข้าที่พักแรมสถานเอกอัครสมณทูตนครรัฐวาติกันประจำประเทศไทย ซึ่งจะเป็นเส้นทางที่ใช้ไปวันที่ 20 พ.ย. ช่วงเวลา 12.00-13.00 น. และในวันกลับ คือวันที่ 23 พ.ย. ช่วงเวลา 08.00-09.00 น. ขอให้ประชาชนหลีกเลี่ยงเส้นทางดังกล่าว
ส่วนเส้นทางในกรุงเทพมหานครที่พระองค์ท่านจะเสด็จไปมีทั้งหมด 7 แห่งในวันที่ 21 พ.ย. ได้แก่ ทำเนียบรัฐบาล โรงพยาบาลเซนต์หลุยส์ พระที่นั่งอัมพรสถาน วัดราชบพิตร สนามศุภชลาศัย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อาสนวิหารอัสสัมชัญ ซึ่งเส้นทางส่วนใหญ่จะอยู่ในพื้นที่ใจกลางเมือง จึงขอความร่วมมือประชาชนหลีกเลี่ยงเส้นทางดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม ในขบวนจะมีการดูแลรักษาความปลอดภัยโดยใช้กำลังกองบังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชน (บก.อคฝ.) และเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบัญชาการตำรวจสันติบาล (บช.ส.)
ขณะเดียวกันเมื่อวันที่ 16 พ.ย.ที่ผ่านมา มีการซักซ้อมการรักษาความปลอดภัยซึ่งผ่านไปได้ด้วยดี นอกจากนี้ยังประสานการปฏิบัติงานไปยังกระทรวงการต่างประเทศ ปลัดสำนักนายกฯ
สถานเอกอัครสมณทูตวาติกัน เพื่อเตรียมความพร้อมในโอกาสที่สมเด็จพระสันตะปะปาเสด็จเยือนประเทศไทย คาดว่าจะมีประชาชนร่วมเข้ารับเสด็จดังกล่าวมากถึง 40,000 คน
จึงขอความร่วมมือประชาชนที่จะเข้ารอรับเสด็จให้เดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะ เพื่อความสะดวกในการสัญจรเส้นทางต่างๆ ของสมเด็จพระสันตะปะปาต่อไป
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 15 พ.ย. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้ช่วยผบ.ตร. กล่าวภายหลังประชุมเตรียมความพร้อมเรื่องการรักษาความปลอดภัย การอำนวยความสะดวกด้านการจราจร รวมทั้งพิธีการตรวจคนเข้าเมือง ในโอกาสที่สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสเสด็จเยือนประเทศไทย ว่า จะใช้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจของนครบาล และตำรวจภูธรภาค 7 ประมาณ 6,000 นาย ในการอำนวยความสะดวกจราจรและรักษาความปลอดภัย