ชื่นชม! แท็กซี่คืนทรัพย์สิน 1.2 แสนให้นักธุรกิจออสซี่
Mr.Holler Andreas อายุ 47 ปี นักธุรกิจ สัญชาติออสเตรีย เล่าว่า เมื่อเวลา 13.46 น. วันที่ 2 พ.ย.2562 พนักงานโรงแรม พลูแมน จี ถนนสีลม ได้เรียกแท็กซี่คันดังกล่าวให้เพื่อเดินทางไปที่ โรงแรมย่านสุขุมวิทซอย 8 โดยเจ้าหน้าที่โรงแรม ได้วางกระเป๋าสัมภาระใบเล็กไว้ภายในกระโปรงท้ายรถ พร้อมกับสอบถามโชเฟอร์แท็กซี่ ว่า มีเงินทอนหรือไม่ถ้าไปถึงที่หมายแล้วจ่ายค่าโดยสาร ด้วยธนบัตรฉบับละ 1,000 บาท ซึ่งโชเฟอร์ แท็กซี่ ตอบว่า ไม่มี เจ้าหน้าที่จึงเดินเข้าไปแลกธนบัตรที่เคาน์เตอร์ของทางโรงแรม และเป็นจังหวะเดียวกันกับที่ผู้ขับขี่รถแท็กซี่ขับรถออกไปโดยที่ตนยังไม่ได้ขึ้นไปนั่งบนรถและไม่รู้ว่าโชเฟอร์แท็กซี่คันดังกล่าวรู้หรือไม่ว่า กระเป๋าสัมภาระ ที่พนักงานโรงแรม วางไว้ภายในกระโปรงท้ายรถแท็กซี่ มีหนังสือเดินทาง, บัตรประจำตัว, บัตรเครดิต 6 ใบ, โทรศัพท์ ยี่ห้อ ไอโฟน 3 เครื่อง, เงินสกุลยูโร จำนวน 4,000 ยูโร, เงินสกุล ฟรังค์สวิส จำนวน 1,000 ฟรังค์, เงินบาทไทย จำนวน 10,000 บาท และเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐฯ จำนวน 30 ดอลลาร์
ด้าน นายอุทิศ เสน่หา อายุ 49 ปี โซเฟอร์แท็กซี่ กล่าวว่า ปกติ ตนขับรถแท็กซี่ ช่วงเวลา 24.00-12.00 น. ของทุกวัน แต่เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 3 พฤศจิกายน 2562 รถแท็กซี่ที่ขับอยู่ประจำ มีปัญหาเกี่ยวกับระบบเบรก จึงตัดสินใจขับรถกลับอู่ ระหว่างที่กำลังทำความสะอาดรถเพื่อเตรียมให้ทางอู่นำรถไปแก้ไข พบกระเป๋าถือสีดำ วางอยู่ภายในกระโปรงท้ายรถ รู้สึกตกใจ เพราะจำไม่ได้ว่า กระเป๋าใบดังกล่าวเป็นของผู้โดยสารรายไหน จำได้เพียงว่า ช่วงเวลาที่ขับนั้น ตนรับผู้โดยสารที่มีกระเป๋าสัมภาระที่ต้องวางไว้กระโปรงท้ายรถ 3 ราย โดยรายแรก เป็นชายชาวต่างชาติ ขึ้นรถจาก พัฒพงษ์ สีลม ไปลงที่สุขุมวิท 26 ส่วนรายที่สอง เป็นผู้โดยสาร วัยรุ่น ชาวต่างชาติ 2 คน ขึ้นรถจากย่านสุขุมวิท ให้ไปส่งถนนจันทร์ และผู้โดยสารรายที่ 3 กลุ่มสุดท้ายเป็นคนไทย ขึ้นจากหมอชิต 2 ไปที่สุขุมวิท 62 ทั้งนี้ยังไม่แน่ใจว่า กระเป๋าที่พบเห็นของผู้โดยสารคนไหน
นายอุทิศ กล่าวว่า ขณะที่เจอกระเป๋าสัมภาระวางอยู่ในกระโปรงท้ายรถ ตกใจมาก ตนรีบเรียก เจ้าของอู่และเพื่อนๆ ที่อยู่ใกล้ๆ มาดู เพราะไม่รู้ว่าใครเป็นเจ้าของ และจะติดต่อส่งคืนได้อย่างไร ขณะที่เปิดกระเป๋าตรวจสอบเห็นโทรศัพท์ ยังคิดในใจว่า เจ้าของน่าจะโทรเข้าเครื่องจะได้รีบนำไปส่งคืน ระหว่างนั้นได้รับโทรศัพท์จากเจ้าหน้าที่ สวพ.FM 91 แจ้งว่า มีชาวต่างชาติลืมกระเป๋าพร้อมทรัพย์สินมีค่าไว้บนรถของตน จึงรีบเช่ารถเพื่อนที่อู่ นำกระเป๋ามาส่งมอบให้เจ้าหน้าที่สถานีฯ
พร้อมระบุ ตนไม่เคยคิดอยากได้ของคนอื่น ในใจยังคิดอยู่ว่า ถ้าเจ้าของไม่โทรศัพท์เข้ามือถือ ก็จะเดินทางไปแจ้งความกับตำรวจ สน.วัดพระยาไกร เพราะอยากคืนทรัพย์สินทั้งหมดให้เจ้าของให้เร็วที่สุด ส่วนตัวขับรถแท็กซี่เลี้ยงครอบครัวมานาน และเคยเก็บเงินของผู้โดยสาร ที่ทำหล่นบนรถได้มากที่สุด คือ 50,000 บาท ซึ่งตนก็นำไปส่งคืนให้เจ้าของ ทั้งนี้ ชาวต่างชาติได้มอบสินน้ำใจให้แท็กซี่เป็นเงิน 15,000 บาท