ไฮโซสาวร้อง นายพล ชื่อดัง ส่งลูกน้องยึดบ้าน 40 ล้าน หลังแม่สิ้นใจ!
ต่อมาราวๆ ปี 2541 นายประวิทย์ โหะไทยกร ซึ่งเป็นพี่ชายของคุณแม่ ได้พาเพื่อนนายทหารเรือก็คือ พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน ปัจจุบันเกษียณราชการแล้ว มาที่บ้านให้ทุกคนได้รู้จัก จนกระทั่งมีความสนิทสนมกับทุกคน โดยเฉพาะคุณแม่กับคุณพ่อ ก็ให้การต้อนรับเป็นอย่างดี เมื่อนายทหารคนดังกล่าวมาเที่ยวทุกครั้ง ต่อมาคุณพ่อคือนายธนัชได้หย่าร้างกับคุณแม่เพราะเกิดปัญหาสาเหตุมาจากเรื่องนี้ ทำให้คุณพ่อกับคุณแม่ต้องแยกทางกัน
ช่วงจังหวะเวลาดังกล่าว ทำให้นายทหารคนดัง ได้เข้ามาใกล้ชิดสนิทสนมกับคุณแม่ของตนเอง ไปไหนมาไหนด้วยกัน จนเวลาต่อมาในปี 2549 คุณแม่ได้ไปดูและถูกใจที่ดินกว่า 4ไร่ ใน ซ.วัดบ่างกร่าง ต.บางกร่าง อ.เมือง จ.นนทบุรี ซึ่งปัจจุบันคือ บ้านเลขที่ 95 หลังดังกล่าว และตกลงซื้อในราคากว่า 17,500,000 บาท พร้อมทั้งถมที่ปลูกบ้านตกแต่งไปรวมกว่า 40,000,000 บาท ใช้ชื่อบ้านและโฉนดที่ดินเป็นชื่อของคุณแม่ แต่เพียงผู้เดียว โดยขณะนั้นคุณแม่ซึ่งคบหาดูใจกับนายทหารคนดัง ก็ได้พาช่างตบแต่ง ผู้รับเหมา เข้ามาดูแล ซึ่งคุณแม่เองได้มีการโอนเงิน การซื้อและตกแต่งมูลค่าบ้านหลังนี้ทั้งหมด ผ่านบัญชีนางเปรมจิต โหตะไวทยกร ซึ่งเป็นมารดาของคุณแม่ โดยการโอนแต่ละครั้งจะโอนให้นางเปรมจิตเป็นงวดๆ ครั้งละหลายล้านบาท เนื่องจากคุณแม่ไม่อยากให้ตนเองและน้องสาวคิดว่า นำเงินส่วนของร้านอัญมณีที่มีตนเองและน้องสาวเข้ามามีส่วนร่วมบริหารไปใช้จ่าย เพราะขณะนั้นคุณแม่คบหาสนิทสนมกับนายทหารคนดัง ทั้งๆ ที่คุณแม่ก็รู้ว่านายทหารคนดังกล่าวนั้นมีครอบครัวแล้ว
ต่อมาตนเองพร้อมน้องสาวและคุณแม่ได้ย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านหลังที่ซื้อ พร้อมทั้ง พล.ร.อ.บรรณวิทย์ก็มีการไปมาหาสู่กับคุณแม่ และพักอยู่บ้านหลังดังกล่าวเป็นครั้งคราว ต่อมาราวปี 2559 คุณแม่เริ่มมีอาการป่วยจึงได้ทำนิติกรรมและโอนที่ดินพร้อมบ้านหลังนี้ให้เป็นชื่อของตนเอง ก่อนเสียชีวิตในเวลาต่อมา ตนและน้องสาวก็พักอาศัยที่บ้านหลังกล่าวพร้อมสาวใช้ โดยมีนายธนัชคุณพ่อพักอาศัยอยู่ด้วยเช่นกัน
จนกระทั่งเรื่องราวมาเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 4 ต.ค.ที่ผ่านมา กลุ่มชายฉกรรจ์กว่า 10 นาย ได้บุกเข้ามาในบ้านพร้อมอ้างว่าได้รับคำสั่งจาก พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน ให้เข้ามาดูแลและเฝ้าบ้าน ในฐานะเจ้าครองผู้ถือกรรมสิทธิ์ร่วม ซึ่งตนเองและครอบครัวเกรงว่าจะได้รับอันตรายจาก กลุ่มชายดังกล่าว จึงไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน พร้อมทั้งแสดงโฉนดและชื่อทะเบียนบ้านที่มีชื่อของตนเอง เป็นเจ้าของ พร้อมวอนขอให้กลุ่มชายดังกล่าวออกจากบ้าน หลังจากนี้คงต้องปรึกษาข้อกฎหมายเพื่อดำเนินการต่อไปกับนายทหารคนดังกล่าว
"หนูขอความเป็นธรรมกับพี่ๆสื่อมวลชนด้วย บ้าน ที่ดิน ล้วนแล้วแต่เป็นชื่อของหนูที่คุณแม่มอบไว้ให้ก่อนเสียชีวิต แต่อยู่ดีๆกับถูกนายทหารชื่อดังคนนี้เข้ามายึดครองและบอกว่ามีส่วนร่วมในบ้านหลังนี้ ตอนนี้หนูเองลำบากมากเพราะไม่สามารถเข้าไปในบ้านได้ เนื่องจากเขานำช่างมาเปลี่ยนกุญแจบ้านทั้งบ้านไม่ให้หนูกับน้องสาวเข้าไปอยู่ แม้แต่สุนัขที่เลี้ยงไว้ก็ยังไม่สามารถนำออกมาได้ ต้องขอร้องคนในบ้านให้ช่วยส่งคืน จนกระทั่ง แม่บ้านเก่าแก่ของคุณแม่อุ้มออกมาให้ตนเอง ก่อนที่คุณแม่จะเสียนายทหารคนนี้ยังพยายามแสดงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมกับหนูและน้องสาว จนคุณแม่ประกาศตัดความสัมพันธ์และเขาหายไปจากครอบครัวนานกว่า 3 ปี แต่อยู่ดีๆ กลับมาอ้างสิทธิ์ในบ้านหลังนี้ทั้งๆ ที่เป็นเงินทุกบาททุกสตางค์ที่ครอบครัวเราหาซื้อมาด้วยหยาดเหงื่อตัวเอง" น้องบีกล่าว
ทั้งนี้ มีรายงานข่าวว่า พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน อดีตรองปลัดกระทรวงกลาโหม ยอมรับว่า บ้านหลังดังกล่าวเป็นทรัพย์สินของตัวเอง มีชื่อถือกรรมสิทธิ์ถูกต้องตามคำสั่งศาล หลังตนยื่นฟ้องเมื่อ 3 ปีก่อนหน้านี้ ซึ่งหาก น.ส.พิมพ์นรี บอกว่าเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ ก็คงจะต้องสู้กันต่อไป.