เพื่อไทย ประกาศยึดอุดมการณ์ “ทักษิณ” ทิ้งไว้ให้ จ่อกลืนภาคใต้ หลังชนะในพื้นที่
นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรค พท.กล่าวเปิดสัมมนาตอนหนึ่งว่า พรรค พท.ก่อร่างมาตั้งแต่สมัยพรรคไทยรักไทยมาจนถึงพรรคพลังประชาชน โดยมีบุคคลสำคัญที่เป็นผู้ก่อร่างสร้างพรรค และทำประโยชน์ให้กับประชาชนคือนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ โดยท่านได้เห็นความเดือดร้อนของประชาชน แล้วนำมาจัดทำนโยบายที่จับต้องได้ กินได้
เช่น 30 บาทรักษาทุกโรค ซึ่งยังคงใช้อยู่จนถึงทุกวันนี้ หรือกองทุนหมู่บ้าน การฝ่าฟันต่างๆ จนทำให้พรรคเกิดความสามัคคี ทั้งนี้ สาระสำคัญมี 2 เรื่องใหญ่ที่อยากคุยกับทุกท่าน คือ 1.เรื่องความสามัคคีและร่วมมือกันสร้างวัฒนธรรมองค์กรพรรค พท.ให้เข้มแข็งยิ่งๆ ขึ้น โดยพรรคเราผ่านอุปสรรคและวิบากกรรมมาได้ ด้วยความรักสามัคคีภายในองค์กร ที่เรารักผูกพันกัน เอื้ออาทรต่อกันไม่ทอดทิ้งกัน ตั้งแต่เริ่มก่อตั้งพรรคมา
การทำงานของพรรคตลอดเวลาที่ผ่านมา จัดวางอยู่บนพื้นฐานของพลังศรัทธา และความเชื่อมั่นของพี่น้องประชาชนที่มอบให้มาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งพรรคพท.ตระหนักดีถึงภารกิจที่สำคัญยิ่งนี้ เราซื่อสัตย์ต่อประชาชนและซื่อตรงต่ออุดมการณ์ ยึดมั่นในสิ่งที่เป็นผลประโยชน์ของประชาชนอย่างต่อเนื่องมาตลอด ประชาชนจึงรักและโอบอุ้มเราอย่างอบอุ่น ทั้งไม่เคยทอดทิ้งพรรคเรา ทำให้เรายังคงได้รับความไว้วางใจ ให้เป็นพรรคที่ได้รับการตัดสินจาก ประชาชนให้เป็นพรรคที่ครองที่นั่งอันดับหนึ่งมากที่สุดในสภาฯ ซึ่งเรายังคงซื่อสัตย์ต่อทุกคำพูด ยึดมั่นในพันธะสัญญาทั้งปวงที่เราให้ไว้กับประชาชน
นายสมพงษ์ กล่าวต่อว่า ภารกิจของเราเป็นภารกิจในทุกคำมั่นที่เราให้ไว้กับประชาชน ไม่มีบิดพลิ้ว ไม่ว่าเราจะอยู่ในสถานภาพใดก็ตาม สิ่งนี้เป็นความเชื่อมั่นที่ประชาชนเชื่อถือพรรคเรา เรายังคงยึดมั่นในจุดยืนที่จะมีส่วนร่วมกับประชาชนไทยร่วมกันสร้างระบอบประชาธิปไตยให้เข้มแข็ง
มีการกระจายอำนาจ อย่างทั่วถึงเพื่อให้เกิดรัฐที่ประชาชนมีส่วนร่วม มิใช่รัฐแบบรัฐราชการ ที่รวมศูนย์อำนาจส่วนใหญ่กระจุกตัวอยู่แต่ในส่วนกลาง ความสำเร็จทั้งปวงล้วนเกิดขึ้นบนฐานความรัก ความสามัคคีของคนภายในองค์กรเป็นพื้นฐาน ดังนั้นเราต้องช่วยกันสร้างวัฒนธรรมองค์กรของพรรคที่มีความเข้มแข็ง สามารถปรับเปลี่ยนตามพัฒนาการของสถานการณ์และสังคมได้
"คนทำงานการเมืองของพรรค พท.ต้องรู้จักเล็กเป็น และใหญ่เป็น เพื่อร่วมกันคิดร่วมกันทำให้งานมีผลสัมฤทธิ์ต่อพี่น้องประชาชนสูงสุด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โลกปัจจุบันที่ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นพลวัตร และมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ยิ่งต้องการ "การนำร่วมแบบใหม่ ในโลกยุคใหม่" ที่ผู้นำจักต้องบริหารจัดการทรัพยากรทั้งหมดที่พรรคเรามี มาช่วยกันสร้างพรรคให้เข้มแข็ง เพื่ออำนวยประโยชน์ให้เกิดขึ้นกับสมาชิกในองค์กรให้ทุกคนได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่ให้มากที่สุด
ทำให้ทุกคนรักพรรค และมีความรู้สึกเป็นเจ้าของพรรค พร้อมจะช่วยกันอุทิศตัวสร้างประโยชน์สูงสุดให้เกิดขึ้นแก่พรรคของเรา วันนี้เราต้องเร่งสร้างความร่วมมือ ความเข้าใจ ความเอื้ออาทรต่อกัน เพื่อให้เรารักกัน รักประชาชน และรักประเทศของเราต่อไป" นายสมพงษ์ กล่าว
นายสมพงษ์ กล่าวอีกว่า 2.เป้าหมายในการสัมมนาของพรรคในครั้งนี้ คือขอให้พวกเราทำหน้าที่อย่างซื่อสัตย์ และทำงานในฐานะ ส.ส.อย่างรับผิดชอบต่อประโยชน์ของประชาชนอย่างสุดความสามารถ อย่าให้ประชาชนผิดหวัง อย่าให้พี่น้องประชาชนเสียประโยชน์ เราทุกคนจะมุ่งมั่นผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้สำเร็จ
ถือเป็นภารกิจสำคัญที่เราได้รับปากกับพี่น้องประชาชนไว้ เพราะการแก้รัฐธรรมนูญ คือกุญแจดอกสำคัญในการไขไปสู่การนำพาพี่น้องประชาชนของเราให้พ้นออกจากวิกฤติชีวิต และวิกฤติเศรษฐกิจที่พวกเขาทุกคนกำลังเผชิญ นอกจากนี้เฉพาะหน้าต้องเตรียมและเร่งศึกษากรอบงบประมาณที่รัฐบาลปัจจุบันเพิ่งจะนำมาเข้าสู่การพิจารณาของสภาในวันที่ 17 ต.ค.นี้ ซึ่งเราได้รับการประสานงานจากวิปรัฐบาลเมื่อเช้าว่าจะได้เวลาในการอภิปราย 3 วัน
โดย ส.ส.ของพรรค พท. จะร่วมมือกันพิจารณากรอบงบประมาณอย่างเคร่งครัดมิให้มีการรั่วไหล และไม่ปล่อยให้เกิดช่องว่างของการทุจริต หรือมีช่องทางการนำงบประมาณของแผ่นดินไปหาประโยชน์เฉพาะกลุ่ม เฉพาะตน เพื่อให้เงินของแผ่นดินถูกนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชน และประเทศชาติ เงินงบประมาณแผ่นดินต้องถูกนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
เราจะไม่ยินยอมให้เกิดการเล่นเกมการเมือง เพื่อดึงการพิจารณางบประมาณแผ่นดินให้ยืดเยื้ออกไปอย่างไม่รู้จบโดยไร้เหตุผล เพราะถือเป็นการทำร้ายพี่น้องประชาชน ทำให้งบประมาณไม่สามารถลงไปสู่ชีวิตของพี่น้องประชาชนทั้งๆที่กำลังต้องการให้การเคลื่อนย้ายงบประมาณรีบไปกระตุ้นเศรษฐกิจ และใช้ประโยชน์ให้พี่น้องที่กำลังเผชิญปัญหาวิกฤติโดยเร็ว
ด้านคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรค พท. กล่าวว่า เราเลือกมาสัมมนาที่นี่เพราะเราได้ปักธงในพื้นที่นี้ โดยเอาชนะเลขาธิการพรรคใหญ่ได้ การมาครั้งนี้ของเราจึงมีความหมายในแง่ที่จากนี้ด้ามขวานทองเราเริ่มต้นที่ประจวบฯ ซึ่งเราจะลุยทัพใหญ่ลงไปที่ภาคใต้ทั้งหมดต่อไป
ทั้งนี้ ปีนี้ เป็นปีที่ทุกท่านทำงานหนักจากการหาเสียง ตนได้มีโอกาสลงไปในหลายๆพื้นที่ ได้เห็นความเสียสละ และความอดทนของทุกท่านในการหาเสียงเพื่อทำคะแนนให้ตนเองและพรรค ไม่ว่าจะมีอุปสรรคแค่ไหน ท่านต้องต่อสู้ทั้งกับอำนาจเงิน และอำนาจรัฐที่ปูเรียงราวกับถนน และหลายคนยังต้องสู้กับอำนาจรัฐ ซึ่งมาในรูปแบบของคดีความต่างๆ
ตนต้องยกย่องทุกท่านที่ไม่ยอมหวั่นไหว ไม่ยอมทรยศต่อประชาชน ต่ออุดมการณ์ของตนเองและของพรรค ขอคารวะทั้งผู้ที่สอบผ่านและขอให้คนที่สอบไม่ผ่านอย่าเสียใจ เพราะตัวคนพูดเองก็สอบไม่ผ่าน ซึ่งเป็นปกติของคนพรรคนี้ที่คนสอบไม่ผ่านเยอะกว่าคนสอบผ่าน
และแม้เราจะส่ง ส.ส.เพียง 250 เขตส่งน้อยกว่าเขา 100 เขต เราก็ยังได้ ส.ส.มากที่สุดในสภาฯ ทั้งที่เราถูกเอารัดเอาเปรียบทุกอย่าง ระยะเวลาที่ผ่านมา เพราะได้พิสูจน์ตัวเองแล้วว่าเราเป็นฝ่ายค้านคุณภาพ ที่ได้ทุ่มเททำงานให้กับประชาชนอย่างสุดแรงใจ เพราะทุกข์ของประชาชน คือทุกข์ของพท.
คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวอีกว่า พรรค พท. ต่อยอดมาจากพรรคไทยรักไทย ที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ได้ทิ้งอุดมการณ์ไว้ให้ ซึ่งเราก็ได้นำอุดมการณ์นั้นมาต่อยอดจนเป็นเราในวันนี้ พวกเราเอาประชาชนเป็นศูนย์กลาง ไทยรักไทยหัวใจคือประชาชน พท.ก็ยังคงมีประชาชนในหัวใจอยู่เสมอ
เพราะตราบใดที่เรามีประชาชนอยู่ในหัวใจ ประชาชนก็จะมีพวกท่านอยู่ในหัวใจตราบนานเท่านานเช่นกัน เป้าหมายของพรรคเราคือ 1.เราจะคืนความอยู่ดีกินดี เศรษฐกิจที่ดี บนความสงบสุขของประเทศไทยให้คนไทยให้ได้ 2.เราจะธำรงรักษาไว้ซึ่ง 3 สถาบันหลักของชาติ และนำเอาประชาธิปไตยคืนมาให้กับประเทศให้ได้ และ 3.คืนศักดิ์ศรี เกียรติภูมิของประเทศไทย สร้างชาติไทยของเรา ให้กลับมาทันสมัยทัดเทียมโลกอีกครั้งหนึ่ง
เราจะเป็นฝ่ายค้านที่แข็งแกร่งในการดูแลผลประโยชน์ของประชาชน ขณะเดียวกันเราจะไม่รอช้าที่จะใช้สมอง และกำลังของเรานำความรู้ วิธีทำมาหากินใหม่ๆ จากโลกยุคใหม่ไปให้ประชาชน โดยไม่ต้องรออำนาจรัฐ
"ดิฉันเชื่อว่าพลังของทีม พท.เราจะนำความหวัง ความสุขและเงินในกระเป๋าของเรากลับคืนมาให้พี่น้องคนไทยได้ ขอเพียงเราร่วมใจกันเป็นหนึ่ง รวมพลังกันให้มั่น เราจะนำชัยชนะ กลับมาสู่ประชาชนได้อย่างแน่นอน" คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าว